Tuesday, November 4, 2008

คนร้ายปาระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานอรทัย

วันนี้ (4 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานอรทัย ด้านแยกเทวกรรม ว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด พบจุดเกิดเหตุ เป็นหลุมกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร และลึกประมาณ 2.5 เซนติเมตร และยังพบเศษโลหะที่เชื่อว่าเป็นสะเก็ดระเบิดตกอยู่ แต่ยังไม่สามารถระบุอย่างชัดเจนได้ว่าเป็นระเบิดชนิดใด และลักษณะใด

นอกจากนี้ จะสั่งการให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะบริเวณจุดเกิดเหตุ มีทั้งทหาร และการ์ดพันธมิตรฯ รักษาการอยู่ในบริเวณดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเหตุว่ามีผู้ใดเห็นเหตุการณ์หรือไม่ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าจุดเกิดเหตุ มีทั้งทหาร และ การ์ดพันธมิตรฯ เฝ้าอยู่ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่าเหตุระเบิดเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะยังไม่มีพยานยืนยันว่าเป็นการขว้างหรือวิธีอื่น อีกทั้งการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดพบว่ามีเศษโลหะ กระจายอยู่โดยรอบ

ส่วนเหตุที่มีกลุ่มวัยรุ่น กล่าวหาว่า ถูกการ์ดพันธมิตรฯ ยิงใส่นั้น พ.ต.อ.วิบูลยุทธ กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บเพียงบาดเจ็บที่หัวไล่ขวาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจากการตรวจสอบภายในรถเบื้องต้นไม่พบอาวุธชนิดใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของกลุ่มวัยรุ่นนั้นมีการทำพาราฟินเทส หาเขม่าดินปืน หรือไม่ พ.ต.อ.วิบูลยุทธ กล่าวว่า ตรวจสอบเค้าเจ็บและมีผู้หญิงนั่งมาในรถด้วย

ส่วนในวันเสาร์ที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะต้องเข้าให้ปากคำเกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทนั้น พ.ต.อ.วิบูลยุทธ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อ หรือประสานงานจากทางฝ่าย นายสนธิ แต่อย่างใด
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

Monday, November 3, 2008

เสื้อแดงเชียงใหม่ปิดล้อมสถานี TPBS

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – “เพชรวรรต-กลุ่มเสื้อแดง” เชียงใหม่สุดถ่อย ยกกำลังคุกคามสื่อยกพลปิดล้อม TPBS ห้ามคนเข้าออก ขู่ตัดน้ำตัดไฟ หลังถูกแฉจ้างคนร่วมเวที “ความจริงสัญจร” 1 พ.ย.51 เรียกร้อง “เทพชัย หย่อง-ผู้ประกาศข่าว-ผู้ให้ข่าว” ชี้แจงถึงที่ด่วน ตั้งแต่เช้าวันนี้ (3 พ.ย.) นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่เป็นกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลพรรค พปช.มาอย่างต่อเนื่อง ได้ใช้สถานีวิทยุชุมชน 92.5 เมกะเฮิร์ตซ เรียกระดมคนเสื้อแดงให้มารวมตัวกันที่หน้าโรงแรมแกรนวโรรสพาเลซ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ เพื่อเดินทางไปขอคำชี้แจงจากสถานีโทรทัศน์ TPBS ที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ กรณีที่มีการออกข่าวว่า มีการใช้เงินว่าจ้างคนเสื้อแดงจากเชียงใหม่ ให้ไปร่วมเวที “ความจริงวันนี้สัญจร” ที่สนามกีฬาหัวหมาก กทม.เมื่อ 1 พ.ย.51 ที่ผ่านมา ในราคา 500 บาท/คน/วัน โดยสามารถเรียกระดมคนเสื้อแดงมาร่วมได้ประมาณ 100 กว่าคน เดินทางด้วยรถยนต์จำนวน 13 คัน โดยระหว่างที่ขบวนรถของกลุ่มคนเสื้อแดงขับผ่านบริเวณสี่แยกศาลเด็ก (ถนนเชียงใหม่ - ดอยสะเก็ด - เชียงราย) เพื่อมุ่งหน้าไปสถานี TPBS นั้น ได้จอดรถบริเวณหน้าร้านจำหน่ายจานดาวเทียม ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ขึ้นป้ายหน้าร้านว่า รับติดตั้งจานถ่ายทอดสัญญาณ ASTV ไว้หน้าร้าน กลุ่มคนเสื้อแดงได้พากันจอดรถ พร้อมกับมีทีท่าว่าจะบุกเข้าไปปลดป้ายไวนิลดังกล่าว ทำให้พนักงานในร้านได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที อย่างไรก็ตามกลุ่มคนเสื้อแดง เพียงแต่นำท่อนเหล็กเดินไปที่หน้าร้านเท่านั้น ไม่ได้ปลดป้ายดังกล่าวแต่อย่างใด จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่สถานีโทรทัศน์ TPBS ต่อไป ต่อมา เมื่อเวลา 11.30 น. กลุ่มคนเสื้อแดงได้บุกพังประตูรั้วสถานีเข้าไปปิดล้อมอาคารของสถานีโทรทัศน์ TPBS พร้อมใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยเรียกร้องให้ผู้บริหารสูงสุดของสถานีคือ นายเทพชัย หย่อง ผอ.สถานี TPBS, ผู้ประกาศข่าว และผู้ที่ให้ข่าวเรื่องนี้ เดินทางมาชี้แจงเรื่องนี้ที่สถานีฯเชียงใหม่ ไม่เช่นนั้นตัดน้ำ ตัดไฟ และห้ามคนเข้าออกสถานีโดยเด็ดขาด ซึ่งขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ของสถานีฯ อยู่ภายในอาคารประมาณ 30 คน พร้อมกันนั้น นายเพชรวรรตยังประกาศว่า ขณะนี้กำลังมีพี่น้องคนเสื้อแดงเชียงใหม่ จาก อ.สันกำแพง-ดอยสะเก็ด ที่กำลังรวมกลุ่มกัน เดินทางมาสมทบเพิ่มอีกหลายร้อยคน รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งกำลังเข้าไปดูสถานการณ์เพียง 30 นายเท่านั้น ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

บริทนีย์ บนหน้าปกอัลบั้มใหม่


หลังจากที่เปิดตัว Womanizer ซิงเกิลแรกไปจนโด่งดังแล้วล่าสุด "บริทนีย์ สเปียร์ส" ได้เผยโฉมหน้าปกอัลบั้ม Circus ของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่างานนี้ภาพของนักร้องสาวดูสวยผิดหูผิดตาจนแทบจะจำไม่ได้เลยที เดียว ช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริทนีย์ นัก ร้องสาวเจ้าปัญหามีภาพลักษณ์ที่ดูไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ส่งให้ฉายาราชินีเพลงป็อปของเธอแทบจะมลายหายไปจากตัวเธอแล้ว แต่แล้วหลังจากที่ผ่านมรสุมมากมายจนได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง ตอนนี้ บริทนีย์ ดูดีมากทีเดียวโดยเฉพาะบนหน้าปกอัลบั้มชุดล่าสุดของเธอ ซึ่งในภาพ ตามสื่อต่างๆของอังกฤษระบุว่า เธอทำผมทรงดังในอดีตของดาราสาว ฟาราห์ ฟอว์เซทท์ กลายเป็นสาวหวานในชุดสุดสวยสีพีช บริทนีย์ได้ เปิดตัวภาพปกอัลบั้มนี้ของเธอบนเว็บไซต์ส่วนตัวเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการวางแผงในวันเกิดของเธอวันที่ 2 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ และแน่นอนว่างานนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกราฟฟิกคงต้องมีการลงไม้ลงมือจัดการปรับแต่งภาพของเธอเล็กน้อยเพื่อให้บริทนีย์ดูสวยหวาน น่ารัก และเป็นสาวผิวสวยเพอร์เฟ็กต์บนหน้าปกอัลบั้มล่าสุดของเธอนี้ ซึ่งหลังจากที่ปล่อยซิงเกิล Womanizer ออกมาจนดังกระหึ่มไปทั่วโลกแล้ว เจ้าตัวยังเผยด้วยว่าซิงเกิลต่อไปที่จะปล่อยออกมาอีกระลอกอาจจะเป็น เพลง Circus เพลงนำของอัลบั้ม และดูเหมือนว่าอัลบั้มที่ 6 ของบริทนีย์จะ ออกแนวเซ็กซี่ปลุกใจเสือป่ามากที่สุดเลยทีเดียว เพราะเพลงอื่นๆอย่าง Lace and Leather และ Kill The Lights ที่ชื่อเพลงฟังดูเซ็กซี่นี้ก็คาดว่าจะดังตามมาอีกเช่นกัน
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

Thursday, October 30, 2008

ฮาโลวีน ไนท์

หากพอมีเวลา ก่อนจะไปครื้นเครงแบบพอประมาณในค่ำคืนสุดสะพรึง 31 ตุลาคม วันฮาโลวีน ขอแนะนำให้ลองจำแลงกาย กับชุดผียอดนิยม อย่าง ชุดโครงกระดูก ชุดแดร๊กคูล่า ชุดมัมมี่ เพิ่มความหวีดสยองด้วยการสวมหนากากผีดุโหด แล้วยังมีหมวกแม่มดเสริมเขาแหลมแดงเพลิง ต่อความเหี้ยมด้วยเล็บปลอม และเคี้ยวท่านเคาท์ หรือจะอวดฝีมือการแต่งหน้าสไตล์ผี เพิ่มรอยหยดเลือดปลอมให้ดูสมจริงก็เด็ดไปอีกแบบ และอย่าลืม ‘แจ๊ก-โอ-แลนเทิร์น’ หรือฝักทองแกะสลัก ไปขอขนมทานฟรี แทนการหลอกผีจากคนที่ร่วมเทศกาล แม้ฮาโลวีน จะเป็นเทศกาลของชาวตะวันตก แต่เพื่อความสนุกสนาน ผ่อนคลายหลังรู้สึกตรึงเครียดจากการทำงาน หรือการเรียน คงพอจะเป็นเหตุผลที่สามารถอินเทรนด์กับเทศกาลผี ผี กันได้ ที่มา เดลินิวส์

ศาลสั่งจับตา ทักษิณ โฟนอิน ความจริงวันนี้สัญจร

วันนี้ (31 ต.ค.) แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ได้เรียกผู้บริหารสำนักงานศาลยุติธรรม และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เข้าหารือกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องคำพิพากษา จำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก จะโทรศัพท์จากประเทศอังกฤษผ่านรายการความจริงวันนี้สัญจร (1 พ.ย.) นี้ ซึ่งอาจมีการกล่าวถ้อยความพาดพิงสถาบันศาลในลักษณะดูหมิ่นผู้พิพากษา หรือเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล จึงให้สำนักงานศาลยุติธรรมเตรียมรวบรวมเนื้อหาคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานในการยุติธรรม หรือดูหมิ่นผู้พิพากษา ตามมาตรา 198 ซึ่งคดีดังกล่าวมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-1.4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฐานละเมิดอำนาจศาลตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 33 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวว่า ประธานศาลฎีกาได้แสดงความห่วงใยในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกแถลงการณ์สื่อต่างประเทศโต้แย้งคำพิพากษาขององค์คณะศาลฎีกาฯ ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ และได้สั่งการให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เผยแพร่คำพิพากษากลาง และคำพิพากษาส่วนตัวขององค์คณะคดีที่ดินทั้ง 9 คนผ่านทางเว็บไซต์ศาลฎีกา www.supremecourt.go.th ให้ประชาชนทั่วไปอ่านเพื่อสร้างความเข้าใจในเหตุผลการตัดสิน โดยเฉพาะคำพิพากษาส่วนตนจะมีทั้งเสียงข้างมากที่ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ และเสียงข้างน้อยที่ตัดสินยกฟ้องว่าองค์คณะใช้เหตุผลตัดสินอย่างอิสระไม่มี ใครแทรกแซง

“ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่ผู้พิพากษาเกี่ยวกับการออกมาโต้ แย้งคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าศาลยุติธรรมต้องปกป้องสถาบันศาลไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงจากคำพูดของผู้ ต้องคำพิพากษาจำคุกอย่างไร แต่ศาลไม่มีหน้าที่ลงไปทะเลาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้พิพากษาในองค์คณะบางคนเห็นว่า ศาลควรรอให้มีผู้เสียหายซึ่งอาจจะเป็นนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ในคดีที่ดินรัชดาฯ มาร้องให้ศาลพิจารณากรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ละเมิดอำนาจศาลจึงเริ่มดำเนินการน่าจะเหมาะสมกว่า” แหล่งข่าวเผย

ทั้งนี้ แหล่งข่าวคนเดิมยังกล่าวด้วยว่า ประธานศาลฎีกากังวลที่สื่อสารมวลชนนำเสนอข่าวความเห็น หรือการนำถ้อยแถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณมาเผยแพร่ เพราะการเผยแพร่ข่าวของสื่ออาจเข้าองค์ประกอบดูหมิ่นผู้พิพากษา หรือละเมิดอำนาจศาลไปด้วย ดังนั้น สื่อควรพิจารณาเนื้อหาและศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนจะตีพิมพ์อะไร รวมทั้งต้องคิดให้มากด้วยว่าสมควรให้ความสำคัญเผยแพร่ข่าวนั้นมากน้อยแค่ไหน เพราะอาจเป็นการเพิ่มช่องทางกระพือความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

Wednesday, October 29, 2008

คลิปหน้าคล้ายนายก สมชาย

อ้น ถอนตัว เทวดาสาธุ รับตัวเองไม่ได้

"อ้น" สราวุธ มาตรทอง ตัดสินใจถอนตัวจากละครเรื่อง "เทวดาสาธุ" หลังคลิปเริงสวาทกับแฟนเก่าหลุดว่อนในอินเทอร์เน็ต ด้าน "ปุ๊" มนตรี เผยเสียดายนักแสดงรุ่นน้อง บอกสนิทกันเหมือนพี่-น้อง

หลังจากมีคลิปหน้าเหมือน"อ้น" สราวุธ แพร่ทางอินเทอร์เน็ต กระทั่ง พระเอกคนดัง ออกมาเปิดแถลงข่าวทั้งน้ำตาพร้อมยืดอกยอมรับ ว่าภาพที่เห็นเป็น ตนเองกับแฟนเก่า เรื่องที่เกิดเกิดจากความคึกคะนอง และความสะเพร่าของตน เอง เพราะมือถือเครื่องที่ถ่ายคลิปดังกล่าวหายไป อีกทั้งยังกราบขอโทษทุก คน และขอยอมรับผิดทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว ล่าสุดมีข่าวเล็ดลอดออกมา ว่า พระเอกหนุ่ม รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถรับตัวเองได้ จึง ตัดสินใจขอถอนตัวจากซิทคอมเรื่อง เทวดาสาธุ ที่ออกอากาศทางช่อง 3 ทุกคืนวัน อาทิตย์ เวลา 23.00 น. ของบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น

แหล่งข่าวแจ้งว่าเนื่องจากที่ผ่านมา ภาพของพระเอกคนดังดีมาตลอด แต่เมื่อ มีภาพหลุดขณะกำลังเริงสวาทกับแฟนเก่าโผล่ออกมา ทำให้ "อ้น" เสียความมั่นใจ ในตัวเอง และเนื่องจากซิทคอมเรื่องดังกล่าว เขารับบทเป็น "สาธุ" เทวดา หนุ่ม ซึ่งภาพที่หลุดออกมาขัดกับบทบาทที่เขาได้รับ ส่งผลให้ต้องตัดสิน ใจ แสดงสปิริตด้วยการขอถอนตัว โดยเข้าไปบอกกับผู้ใหญ่ของบริษัทบรอดคาซท์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของผู้ใหญ่ ซึ่ง พระเอกคนดัง อาจจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ เกี่ยวกับเรื่อง นี้ ได้สอบถามไปยังนักแสดงรุ่นใหญ่ ที่แสดงร่วมกันในซิทคอมเรื่องดังกล่าว " ปุ๊" มนตรี เจนอักษร ได้ความดังนี้

"เรื่องอ้นขอถอนตัว ผมยังไม่ทราบเรื่อง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมก็ ย่อมเสียดาย เพราะคนสนิทกัน เรื่องนี้เราร่วมงานกันมา 2 ปีแล้ว เจอหน้ากัน ทุกอาทิตย์ และไม่ได้เจอเรื่องนี้เรื่องเดียว ผมเจอกับอ้นเรื่องอื่น ด้วย สนิทกันจนอ้นกลายเป็นน้องชายผมไปแล้ว" ปุ๊กล่าว

ถามต่อว่าภายหลังจากเกิดเรื่อง พระเอกหนุ่มมาปรึกษาอะไรหรือเปล่า ซึ่งได้คำตอบ ว่าทุกครั้งที่ทำงาน ก็ไม่ได้คุยกันถึงเรื่องนี้เลย

"ไม่ได้เอ่ยถึงเลย จะคุยถึงเรื่องอื่น อย่างอ้นเพิ่งกลับมาจาก อังกฤษ เขาก็เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไรบ้าง การทำงานความตั้งใจ และความ รู้สึกก็เหมือนเดิม อ้นก็วางตัวเหมือนเดิม ปกติอ้นเป็นคนเฉยๆ บางครั้งก็มี สนุกสนานบ้าง ทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นที่รักของทุกคนเหมือนเดิม" นักแสดงมือ อาชีพกล่าว
ที่มา คมชัดลึก

วางบึ้ม ยิงใส่พันธมิตรบาดเจ็บระนาว

วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 06.45 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยืนยันว่า คนที่มาทำร้ายเรา เป็นฝีมือรัฐบาลทั้งสิ้น และเราจะไม่ยุติการดาวกระจายไปสถานทูตอังกฤษ เพราะพวกเราจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ จากคนที่ลอบกัด เนื่องจากเป็นเวลากลางวัน คนเหล่านี้จะไม่กล้าทำอะไร ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น การ์ดพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย สาหัส 1 ราย โดยถูกส่งตัวไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล แสดงให้เห็นว่าเขามีความพยายามที่จะสร้างความปั่นป่วนให้กับพันธมิตรฯ และเมื่อถึงจุดหนึ่งเมื่อรัฐบาลโหดถึงขั้นใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน และคนที่จะถืออาวุธได้อย่างเปิดเผยก็คือ ตำรวจ และทหาร

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ได้มีหนังสือไปถึงกองทัพบก ขอให้จัดกำลังพลไปช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับพันธมิตรฯ แต่กองทัพบกก็ไม่ได้ส่งทหารมาช่วยรักษาความปลอดภัยแต่อย่างใด หรือทหารอาจจะรอว่าต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน แล้วจึงจะเข้ามาช่วย แต่พอเกิดเหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เราจึงทำหนังสือไปถึงกองทัพบกอีกครั้ง เพื่อขอสารวัตรทหารมาช่วยรักษาความปลอดภัย แต่ทหารก็ยังเมินเฉย จนกระทั่งมาเกิดเหตุร้ายซ้ำขึ้นอีก

“ฉะนั้นในครั้งนี้ หากเราร้องขอสารวัตรทหารไปยังกองทัพบก คาดว่าทางกองทัพจะยินยอมให้สารวัตรทหารบกมาช่วยรักษาความปลอดภัยให้เรา เพราะถ้าหากไม่ส่งคนมาช่วยเรา ก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชน ทั้งๆ ที่พวกเราต่อสู้อย่างยากลำบาก นอนกลางดิน กินกลางทราย เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤตของชาติ ไม่เหมือนฝ่ายรัฐบาลที่ใช้วิธีการเหี้ยมโหดกับคนไทยด้วยกัน แต่กับเขมรที่ออกมาขู่ว่าจะโจมตี กลับไม่ยอมทำอะไร ฉะนั้นเรามันโชคร้ายที่มาเจอรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นเราถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว เพราะเราไม่ต้องการปล่อยให้บ้านเมืองพังทั้งๆ ที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราจึงต้องมาชุมนุมกันอยู่ที่ทำเนียบฯ นี้”พล.ต.จำลอง กล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ได้เป็นเครื่องบ่งชี้ให้ผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์เห็นว่า จะไม่ช่วยเราเลยหรือ ถามว่าท่านมีหน้าที่รักษาสถาบันโดยตรงหรือไม่ ท่านมาเหนื่อยกับเราหรือไม่ แล้วท่านเสี่ยงกับการถูกทำร้ายอย่างพวกเราหรือไม่ และถ้าปล่อยไปอย่างนี้ คิดว่าคงเกินมาตรฐานของชาวบ้านอย่างพวกเรา ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกที่จะมีการชุมนุมปักหลักพักค้างถึง 150 กว่าวันมานี้ ที่สำคัญเราโชคร้ายที่มาเจอกับรัฐบาลชุดนี้ และโชคร้ายที่เรามาเจอกับผู้ใหญ่ที่นั่งเฉย นอนเฉย แล้วเราจะดูกันต่อไปว่าท่านจะขยับหรือไม่ อย่างไร
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

บึ้มใส่บ้าน จรัญ ภักดีธนากุล

มือมืดสร้างสถานการณ์ลอบปาระเบิดใส่บ้าน "จรัญ ภักดีธนากุล" ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ย่านคลองตัน ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์-กระจกแตก เจ้าตัวและครอบครัวปลอดภัย

วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น.ร.ต.ท.สมชาย สารเกษ ร้อยเวร สน.คลองตันได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนร้ายได้ปาระเบิดใส่บ้านของ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ภายในบ้านเลขที่ 92/37 ซอยปรีดีพนมยงค์ 45 แขวงคลองตันเหนือเขตคลองตัน กทม.โดยจุดเกิดเหตุอยู่ที่สวนต้นไม้ภายในบ้าน แรงระเบิดทำให้ดินเป็นหลุมกว้างประมาณ 50 เซ็นติเมตร ลึกประมาณ 25 เซ็นติเมตร นอกจากนี้แรงระเบิดทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ได้รับความเสียหาย กระจกบานเกล็ดและกระจกเลื่อนแตกกระจาย เศษดินกระจายไปทั่ว

ร.ต.ท.สมชายกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีชาวบ้านใกล้เคียงได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์วิ่งเข้ามาแล้ว ก็มีเสียงระเบิดขึ้น ซึ่งขณะเกิดเหตุนายจรัญกำลังพักผ่อนพร้อมบุตรสาวและคนในบ้านรวม 6 คน จากนั้นขณะนายจรัญกำลังอาบน้ำภายในห้องน้ำของบ้านก็ได้ยินเสียงวัตถุมี น้ำหนักตกลงบนหลังคาบ้าน ถัดมาประมาณ 2 นาทีก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณสนามหญ้าข้างบ้าน ทำให้พื้นสนามหญ้าเป็นหลุมลึก กระจกและคอมเพรสเซอร์แอร์ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย เบื้องต้นคาดว่าเป็นระเบิดชนิดแรงดันต่ำ คนร้ายน่าจะประสงค์เพียงข่มขู อย่างไรก็ตามต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้หลังเกิดเหตุพล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.คมสัน เอี่ยมอ่อน รอง ผบช.น.ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 191และตำรวจสายตรวจสน.คลองตันคอยดูแลความปลอดภัยแล้ว

สำหรับ จรัล ภักดีธนากุล เกิดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2493 จบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 1) จบเนติบัณฑิตไทย รุ่นนั้นมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนอันดับสองได้แก่ วิษณุ เครืองาม จากนั้นไปเรียนต่อ B.A. มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเนติบัณฑิตอังกฤษ

เริ่มรับราชการครั้งแรกเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ทำงานอยู่ 6 ปี ในปี 2522 สอบได้ผู้ช่วยผู้พิพากษา, ปี 2523 ไปเป็นผู้พิพากษาจังหวัดยะลา, ปี 2528 เป็นผู้อำนวยการกองวิชาการ สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ, ปี 2531 ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกระทรวง, ปี 2534 เป็นรองเลขาธิการส่งเสริมงานตุลาการ, ปี 2535 เป็นเลขาธิการส่งเสริมงานตุลาการ ด้วยวัยเพียง 42 ปี ต่อมาเมื่อศาลแยกตัวออกจากกระทรวงยุติธรรมมาเป็นหน่วยงานอิสระแล้ว เขาได้เลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา และเลขานุการศาลฎีกา ก่อนจะมาเป็นเลขาธิการประธานศาลฎีกา กระทั่งมาเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมและกลับไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจนถึง ปัจจุบัน

ทั้งนี้ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 19 ก.ย. นายจรัญถูกคนในฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังหลบหนีคดีอยู่ในประเทศอังกฤษโจมตีอย่างหนักว่า เป็นปฏิปักษ์กับระบอบเลือกตั้งของพวกตน ทั้งยังพยายามกล่าวหาด้วยว่า นายจรัญเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยถือเป็นลูกจ้าง ต้องถูกถอดถอนจากตำแหน่งตุลาการ นอกจากนี้ชื่อของนายจรัญและภรรยายังถูกยกขึ้นมาโจมตีบ่อยครั้งในรายการ "ความจริงวันนี้" ที่ดำเนินรายการโดยนายวีระ มุกสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อยู่เป็นประจำ จนภรรยานายจรัญต้องฟ้องร้องต่อศาล โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

คลิปหนุ่มใหญ่หน้าคล้าย นายก แพร่ทั่วเน็ต

ผู้จัดการออนไลน์ – ฮือฮาทั่วเน็ต คลิปวิดีโอแอบถ่ายข้าราชการหนุ่มใหญ่ หน้าตาคล้าย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ควงสาว-กิ๊กไม่ซ้ำหน้า เปลี่ยนรถ 4 คัน ทั้ง เบนซ์สปอร์ต-เบนซ์-บีเอ็ม-เลกซัส ทะเบียนกรุงเทพฯ, เชียงใหม่ ไปกินข้าวเช้า ข้าวกลางวัน เข้าม่านรูด แถมมีภาพชัดใช้เวลาราชการพากิ๊กร่างท้วมไปชอปปิ้งเลือกซื้อตู้เย็นที่โฮมโปร สาขาแจ้งวัฒนะ วันเวลาในคลิประบุชัด ระหว่าง 22-28 มีนาคม 2549

พ.ศ.2551 กลายเป็นปีที่มีคลิปลับ ดารา-คนดัง ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอและภาพลับของดาราชาวฮ่องกงนาม “เอดิสัน” เฉิน กว้านซี กับแฟนสาวผู้มีชื่อเสียงประมาณ 14 คนที่แพร่หลายไปทั่วโลกในช่วงต้นปี 2551 คลิปวิดีโอการเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำของโรงแรมแห่งหนึ่งของนักร้องสาวดูโอ “โฟร์-มด” น.ส.ศกลรัตน์ วรอุไร และ น.ส.คุณัชญา ชัยรัตน์ ที่กลายเป็นข่าวฮือฮาในช่วงเดือนกันยายน และ คลิปวิดีโอการมีเพศสัมพันธ์ของ “อ้น” สราวุธ มาตรทอง ที่แพร่กระจายไปทั่วเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด มีรายงานข่าวระบุว่า มีคลิปวิดีโอแอบถ่ายชีวิตของ “คนดัง” ความยาวกว่าครึ่งชั่วโมงถูกเผยแพร่ทั่วอินเทอร์เน็ตในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ทั้งนั้น คลิปวิดีโอดังกล่าวคงไม่เป็นที่ฮือฮาเท่าใดนัก หากบุคคลผู้นั้นไม่ได้มีรูปร่างและใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับใบหน้าผู้นำ ประเทศที่ชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน สามีของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้กำลังหลบหนีโทษจำคุก 2 ปีอยู่ในประเทศอังกฤษ
สำหรับเนื้อภายในคลิปนั้น แหล่งข่าวระบุว่า เป็นการตัดต่อจากหลายๆ ไฟล์ให้เป็นคลิปเดียว เป็นคลิปที่ถือว่าค่อนข้างยาวกว่าคลิปหลุดทั่วๆ ไป โดยคลิปดังกล่าวนี้มีความยาวทั้งสิ้น 25 นาที 26 วินาที ทั้งนี้ แต่ละคลิปมีการระบุวัน-เวลา ไว้อย่างแน่ชัด อีกทั้งยังมีเสียงสดในคลิปที่คอยบรรยายสถานการณ์และระบุสถานที่ต่างๆ คล้ายกับเสียงนักสืบที่รับจ้าง ภรรยา ให้ติดตามพฤติกรรมนอกใจของสามี
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

ลูกอมกระต่ายขาว ปนเปื้อนเมลามีนเกินมาตรฐาน

วันที่ 29 ตุลาคม นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ผลการตรวจวิเคราะห์สารเมลามีนในผลิตภัณฑ์อาหารล่าสุด จำนวน 33 รายการ พบว่า มี ลูกอมครีม ตรากระต่ายขาว white rabbit creamy candy จากประเทศจีน ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจพบเมลามีน 3.85 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมหรือพีพีเอ็ม ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่อย.กำหนดไว้เพียง 2.5 พีพีเอ็ม

นอกจากนี้ ยังพบอาหารที่มีเมลามีนจำนวน 5 รายการ แต่ไม่เกินค่ามาตรฐาน คือ 1. นมผงดัดแปลงสำหรับทารกเสริมธาตุเหล็กสูตรต่อเนื่อง สำหรับทารกและเด็กเล็ก ตราแนน 1 ออฟดิโป 1 บีดีเอชเอพลัส เออาร์เอ นิวคลีโอไทด์ ทอรีน ของบริษัท เนสท์เล่ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เลขสารบบ10-3-10937-1-0221 วันที่ผลิต 15 ก.พ.2551 หมดอายุ 15 ส.ค.2552 พบเมลามีน 0.39 พีพีเอ็ม ซึ่งค่ามาตรฐานนมสำหรับทารกค่ามาตรฐานห้ามเกิน 1 พีพีเอ็ม

2.คุกกี้ช็อกโกแลต ตราชอร์ทที ของบริษัท เดอเบล จำกัด จากประเทศมาเลเซีย เลขสารบบ10-3-20050-1-0007 หมดอายุ 15 ส.ค.2552 พบเมลามีน 1.41 พีพีเอ็ม

3.ขนมปังสอดไส้ครีมช็อกโกแลต ตราเลคชิล ครีมช็อกโกแลต ของบริษัท เดอเบล จำกัด ประเทศมาเลเซีย เลขสารบบอาหาร10-3-20050-1-0003 หมดอายุ 1 ม.ค.2552 พบสารเมลามีน 0.72 พีพีเอ็ม

4.ขนมปังรวมมิตรเมโลดีส์ ยี่ห้อ จูลี่ส์ ของบริษัทมาร์คกิ้นส์อินเตอร์ เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด จากประเทศมาเลเซีย เลขสารบบ 96-4-00136-2-0036 วันที่ผลิต 12 ก.ค.2551 หมดอายุ 12 ก.ค.2552 พบเมลามีน 0.73 พีพีเอ็ม

5.ขนมปังกรอบรูปหมีโคอะล่าสอดไส้ ครีมรสช็อคโกแลต ตราโคอะล่า จากบริษัท ซันฟู้ดส์ เทรดดิ้ง จำกัด ประเทศจีน เลขสารบบ 10-3-13241-1-0299 ผลิต 7 ม.ค.2551 หมดอายุ 6 เม.ย.2552 พบเมลามีน 0.83 พีพีเอ็ม

“ส่วนผลการตรวจสอบไข่ไก่ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าฮ่องกงตรวจพบ ว่ามีการปนเปื้อนเมลามีนนั้น ผลจะออกประมาณอีก 1-2 วัน” นพ.พิพัฒน์ กล่าว
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

มศว ผ่อนผันให้นิสิตจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนได้หวั่นตกงาน

เศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลถึงเศรษฐกิจครัว เรือน มศว ผ่อนผันให้นิสิตจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนได้ หวั่นสายมนุษย์-สังคม ตกงาน เน้นให้นิสิตสร้างงาน อย่ารอเป็นลูกจ้าง

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย อีกทั้งการเมืองในประเทศ ยังมีปัญหาความขัดแย้ง จึงส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศและกระทบต่อการจ้างงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างมากสำหรับนิสิตที่สำเร็จการศึกษาและต้องออกไป สู่โลกแห่งการทำงาน โดยเฉพาะผู้สำเร็จการศึกษาในสายมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์นั้นต้องปรับตัว เองอยากมาก

ในส่วนของมศวนั้น เราปรับหลักสูตร เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบันและอนาคตมากขึ้น โดยต้องส่งเสริมสนับสนุนให้นิสิตมีความรอบรู้มากกว่าการเรียนเพียงอย่าง เดียว ต้องหาส่วนเสริมให้กับนิสิต พัฒนาศักยภาพด้านอื่นๆ ของนิสิตขึ้นมาให้ได้

นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยต้องสร้างทัศนะใหม่ให้แก่นิสิต ต้องรู้จักสร้างที่จะสร้างงานของตัวเองให้มากขึ้น และต้องไม่รอที่จะเป็นลูกจ้างในบริษัทเอกชนหรือรอทำงานในหน่วยงานราชการ เพียงอย่างเดียว ต้องเปิดทางเลือกให้นิสิตมีทางเลือกมากขึ้น

สิ่งที่ มศว เน้นย้ำก็คือ ต้องสอนให้นิสิตสู้งานให้มากขึ้น อดทน และมีความสุขในการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้นด้วย ต้องมีความสุขกับความพอเพียงของตัวเอง ส่วนนิสิตในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้รับผลกระทบในการหางาน มากนัก

“ในขณะนี้คณะกรรมการบริหารยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยได้ให้กองบริการการ ศึกษา สำรวจว่าในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างนี้ นิสิตได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ปรากฏว่า มีนิสิตที่ไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษาเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ทีมผู้บริหารมหาวิทยาลัยกำลังจะหาทางแก้ปัญหาด้วยการให้นิสิตสามารถ ผ่อนค่าทำเนียมการศึกษารายเดือนได้ ถือเป็นการช่วยเหลือนิสิตและครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง ส่วนแนวทางความช่วยเหลือที่ต้องเร่งดำเนินการอีกทางเพื่อช่วยเหลือนิสิตที่ เดือดร้อนก็คือการเพิ่มทุนทางด้านการศึกษาให้มากขึ้นและกระจายให้ทั่วถึงคน ที่เดิอนร้อน” อธิการบดี มศว กล่าว
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตัดพยาน 8 ปากทิ้ง

ผบช.ก.ประชุมชุดสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมราชานุ ภาพ สอบถามความคืบหน้า พบคดีค้าง 32 คดี สั่งฟ้องอัยการ 4 คดี เหลืออีก 28 คดีอยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนคดี “จักรภพ” คณะกรรมการเห็นควรตัดพยาน 8 ปากทิ้ง ระบุ ใช้เวลาในการสอบนานพอแล้ว คณะกรรมการมีความเห็นเดิมสั่งฟ้องให้กรรมการระดับ ตร.มีความเห็นส่งฟ้องให้อัยการต่อไป

วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสอบกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก.ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกคดีที่อยู่ใน ความรับผิดชอบในสังกัด บช.ก.เพื่อติดตามความคืบหน้าและแนวทางการทำงาน โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 2 ชม.

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ขณะนี้ บช.ก.มีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพค้างอยู่ 32 คดี โดยสรุปเสนอสั่งฟ้องให้อัยการไปแล้ว 4 คดี ที่เหลืออีก 28 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งแยกเป็นคดีหมิ่นทางเว็บไซต์ 15 คดี วิทยุชุมชน 2 คดี ที่เหลือก็เป็นคดีร้องทุกข์ทั่วไป วันนี้ก็ได้เรียกพนักงานสอบสวนในแต่ละคดีมาประชุมสอบถามความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการทำงาน

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่มีการร้องขอให้พนักงานสอบสวนทำการสอบพยานเพิ่มอีก 18 ปาก พนักงานสอบสวนสามารถติดต่อพยานสอบปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว 10 ปาก อีก 8 ปากไม่สามารถติดตามได้ทางคณะกรรมการคดีหมิ่นระดับ บช.ก.จึงมีความเห็นให้ตัดพยานทั้ง 8 ปาก ไปเพราะใช้ระยะเวลาในการสอบสวนมาพอสมควรแล้ว คณะกรรมการคดีหมิ่นระดับ บช.ก.จึงได้มีความเห็นตามความเห็นเดิมสั่งฟ้องนายจักรภพในความผิดตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 112 เสนอความเห็นไปยังคณะกรรมการคดีหมิ่นระดับ ตร.แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขั้นตอนต่อไปคณะกรรมการคดีหมิ่นระดับตร.ก็จะมีความเห็น จากนั้นก็ให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามส่งสำนวนพร้อมผู้ต้องหาให้อัยการต่อไป

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของคดีที่เกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอื่นๆ พนักงานสอบสวนก็ให้ความสำคัญทั้งหมด แต่บางคดีดำเนินการยาก เช่น คดีที่เกิดในต่างประเทศ เป็นขั้นตอนของอัยการสูงสุดดำเนินการ ซึ่งอัยการสูงสุดมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพนักงานสอสวนร่วมในการติดตาม พยาน เมื่อติดต่อพยาน บางรายพยานอยู่ต่างประเทศ เมื่อติดต่อได้ก็ไม่ยอมเดินทางมาให้ปากคำ ส่วนกรณี นายโจนาธาน เฮด นักข่าว BBC ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นพระบรมราชานุภาพขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการ ดำเนินการ

ผบช.ก.กล่าวว่า การดำเนินคดีหมิ่นทางเว็บไซต์นั้น ก็มีปัญหาพอสมควรเพราะปกติทางเว็บมาสเตอร์จะเก็บข้อมูลไว้ 90 วัน แต่กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับเรื่องมากก็เกินเวลาแล้วทำให้รวบรวมพยานหลัก ฐานยาก บางคดีทราบไอพีแอ็ดเดรสก็ปรากฏว่าเป็นเครื่องบริษัทเมื่อสอบถามพยานก็ไม่มี ใครยอมรับปฏิเสธกันหมดก็ต้องมาไล่ดูว่าใครใช้เครื่องเวลาไหนอย่างไร ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ” ผบช.ก.กล่าว

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนเองก็ได้เน้นย้ำให้พนักงานสอบสวน เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดฐานหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ และมอบหมายให้ทุกกองบังคับการของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เฝ้าระวังสื่อทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ โดยเฉพาะสถานีวิทยุชุมชน รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ การพูด หรือกล่าวปราศรัยต่อสาธารณชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

สมชาย ฟื้นประชานิยมกองทุนหมู่บ้าน-โอทอป

สมชาย” ฟื้นประชานิยมของ “ทักษิณ” ทั้ง “กองทุนหมู่บ้าน-โอทอป” เล็งขยายวงเงิน SML เป็น 1.5-2 ล้าน เป็นปลื้ม กลุ่มสภาสตรี มอบดอกไม้ให้กำลังใจ ยันจะอดทน อดกลั้น ทำให้คนไทยรักกันให้ได้

วันนี้ (29 ต.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางมาเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการการบูรณาการกองทุนหมู่บ้านและ ชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอทอป) และ เอสเอ็มแอล โดยมี นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดยก่อนเปิดประชุม นายกรัฐมนตรีได้พูดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของศูนย์เครือข่ายถ่ายทอดความ รู้ไปยังที่ว่าการอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ตอนหนึ่งว่า ต้องขอบคุณนายอำเภอที่ทำให้โครงการทั้งเอสเอ็มแอล โอทอป และ กทบ.ประสบผลสำเร็จ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน เพราะถือว่าการทำงานดังกล่าว เป็นเรื่องของชุมชนและหมู่บ้าน ประชาชนจะต้องได้รับการสนับสนุนจากโครงการต่างๆ ซึ่งถือเป็นนโยบายเร่งด่วน ซึ่งตนดีใจที่โครงการเหล่านี้ ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ สามารถเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ลดรายจ่าย อย่างไรก็ตาม ขอให้นายอำเภอช่วยดูแลอย่ามีปัญหาการรั่วไหลของเงิน เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็จะติดตามไปเรื่อยๆ

นายกรัฐมนตรี แถลงว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจของ รัฐบาลสู่ระดับรากหญ้าครั้งนี้ ได้เน้นย้ำ 3 เรื่องสำคัญ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ประกอบด้วย กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ในการสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้น โดยอาจขยายวงเงินออกไปเป็น 1.5-2 ล้านบาท ได้ และจะส่งเงินพัฒนาชุมชนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดูแล และจะให้งบประมาณเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริงโดยโปร่งใส ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นฝ่ายติดตามดูแล รวมถึงโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ที่จะเน้นการผลิตสินค้าอย่างมีคุณภาพ รวมถึงจัดงานโอทอปซิตี้ เป็นครั้งคราว ตามงานเทศกาลต่างๆ ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการเดินทางมาครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ได้มีชมรมสมาชิกรัฐสภารักสตรีไทย ประมาณ 10 คน เดินทางมามอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจต่อนายกรัฐมนตรี โดย นายสมชาย ได้กล่าวขอบคุณ และว่า ตอนนี้จะพยายามใช้ความอดทน อดกลั้น ทำงานให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันแบบพี่แบบน้อง และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มีความรัก สามัคคีซึ่งตนก็พร้อมที่จะเดินหน้าทำงานต่อไป และคิดว่าจากนี้ไปเวลาไปไหนก็คงจะมีความอบอุ่นใจมากขึ้น เพราะสังคมจะมีความรักความสามัคคีมากขึ้น
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวในปากีสถานทะลุ 100 ศพ

เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถานใน ช่วงเช้าวันนี้ (29) มีมากกว่า 100 คนแล้ว และตัวเลขน่าจะพุ่งสูงกว่านี้ เนื่องจากบ้านดินหลายหลังถล่มทับ ขณะที่ผู้รอดชีวิตหนีตายมาอยู่บนท้องถนนอย่างแตกตื่น

มีอย่างน้อย 8 หมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงในเหตุแผ่นดินไหววัดความแรงได้ 6.4 ริกเตอร์ ตำรวจเผยพร้อมเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มมากกว่านี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ไปถึงหลายหมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกลตามชายแดน อัฟกานิสถาน

กรมสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ เผยว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเกตตา และห่างจากกรุงกันดาฮาร์ของอัฟกานิสถานประมาณ 185 กิโลเมตร ประมาณตี 5 ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 06.09 น.ตามเวลาของไทย

ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดอยู่ในหลายหมู่บ้านที่ห่างไกล เนื่องจากบ้านที่สร้างจากดินพังถล่มลงมาและแรงสั่นสะเทือนได้ทำให้หินถล่มลง มาทับบ้านขณะชาวบ้านกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง

ในเกตตา เมืองใหญ่ที่อยู่ติดกัน ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่าผู้คนต่างวิ่งหนีออกจากบ้านเรือนอย่างแตกตื่น ส่วนภาพข่าวสถานีโทรทัศน์เผยให้เห็นภาพราษฎรจำนวนมากอยู่ตามบริเวณท้องถนน ห่อหุ้มตัวเองด้วยเสื้อผ้าหนาอันเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวในตอนเช้า

“เราได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองท้องถิ่นว่ามีผู้เสีย ชีวิตมากกว่า 100 คน” ซามารัค คาน รัฐมนตรีสรรพากรของแคว้นบาลูจิสถาน บอกกับเอเอฟพี

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากเมืองเซียรัต แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์บนแถบภูเขา อยู่ทางเหนือของเกตตา ราว 50 กิโลเมตร บอกว่าพวกเขาสามารถกู้ศพผู้เสียชีวิตได้แล้ว 77 ศพ พร้อมระบุว่า ยังประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ใต้ซากปรักหักพังและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ประมาณ 100 คน ทั้งนี้พบผู้เสียชีวิตอีก 6 ศพในปิชิน ตำบลที่อยู่ใกล้เคียง

โมฮาเมด สุลต่าน ผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับเอเอฟพี ว่า แรงสั่นสะเทือนครั้งแรกปลุกเขาให้ตื่นจากหลับใหลก่อนตี 5 ไม่นาน จากนั้นเขารับรู้ถึงคลื่นสั่นสะเทือนขนาดใหญ่อีก 10 นาทีต่อมา อาคารในเซียรัตพังถล่มและการคมนาคมถูกตัดขาด เขากล่าว พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า “เมืองเหมือนเกิดหายนะ หลายส่วนของเมืองได้รับความเสียหายรุนแรง”


โฆษกของกองทัพปากีสถาน เปิดเผยว่า ได้ส่งทหารราว 250 นาย และเฮลิคอปเตอร์อีก 2 ลำไปยังเกตตาและเซียรัต ขณะที่กำลังมีการประเมินความเสียหายทางอากาศ รวมถึงส่งความช่วยเหลือทางเวชกรรมไปยังพื้นที่อย่างเร่งด่วน


ในกันดาฮาร์ ทางหัวหน้าตำรวจเปิดเผยว่าประชาชนสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่น ดินไหว “แต่เรายังไม่ได้รับายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หรือความเสียหายของอาคาร”


เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.6 ริกเตอร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน และแคชเมียร์ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2005 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 74,000 คน และทำให้คนไร้ที่อยู่อีกกว่า 3.5 ล้านคน ส่วนในเมืองเกตตาก็เคยเกิดแผ่นดินไหว เมื่อปี 1935 มีผู้เสียชีวิตถึง 30,000 คน

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

พ่อวัย82ติดป้ายครวญ-ลูก2คนไม่ดูแล

พ่อ เฒ่าเมืองกรุงเก่าวัย 82 ปี เขียนป้ายติดหน้าบ้านประจาน2ลูก ชายไม่มาเหลียว แลพ่อที่ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ทิ้งให้อยู่ตามยถา กรรมกับแม่และหลาน ต้องหาอยู่หากินกันเอง ล่าสุดยังมาเอาพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ของทั้ง 2 พระองค์ ที่ได้มาสมัยทำงานในสำนักพระราชวังไปอีก เผยเหตุที่ต้องประจานลูกเพราะเจ็บปวดใจ ไม่อยากให้ลูกคนอื่นๆเป็นเหมือนลูกตัวเอง

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 62 หมู่ 1 ต.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ภายหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า บ้านหลังดังกล่าวเขียนป้ายข้อความประจานลูกติดไว้รั้วเหล็กหน้าบ้าน เมื่อไปถึงพบป้ายกระดาษสีขาว ขนาดกว้าง-ยาวประมาณ 20 นิ้ว เขียนข้อความด้วยปากกาด่าว่าลูกชาย 2 คนด้วยถ้อยคำรุนแรง

นายสมหวัง ผลประสูติ อายุ 82 ปี เจ้าของบ้านซึ่งนั่งพักอาศัยอยู่เพิงขนาดเล็กแยกจากตัวบ้านเปิดเผยว่า พักหลับนอนอยู่เพิงหลังนี้ไม่เข้าไปนอนในบ้าน เพราะเวลาเดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก เนื่องจากเป็นอัม พฤกษ์มาประมาณครึ่งเดือนแล้ว ต้องใช้ไม้ค้ำเดิน โดยมีนางวารี ภรรยา อายุ 67 ปี และหลานช่วยพยุง

นายสมหวังเปิดเผยอีกว่า ป้ายหน้าบ้านตนเป็นคนเขียนเอง เพราะลูกทั้งสองคนไม่ค่อยมาดูแล ทั้งๆที่ตนกำลังป่วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องขัดข้องใจกับลูกๆอีกหลายเรื่อง เจ็บปวดใจมาก ความเป็นอยู่ปัจจุบันมีภรรยาคอยช่วยเหลือทำมาหากินโดยเช่าที่ดินในเขตปฏิรูป บางไทรประมาณ 10 ไร่ ทำนา และเลี้ยงปลา ภรรยาปลูกผักนำไปขายตามหมู่บ้าน มีเงินพอเลี้ยงชีพไปวันๆไม่ได้มาก ล่าสุดลูกชายยังมานำเอาพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถขนาดใหญ่ที่ได้มาเมื่อ 20 ปีก่อน สมัยยังทำงานอยู่ในสำนักพระราชวัง ไปอีก

"ที่ต้องเขียนป้ายนี้เพื่อ ต้องการให้คนทั่วไปได้รู้ว่าลูกต้องมาดูแลพ่อแม่ยามเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่อยากให้ลูกๆคนอื่นทำในลักษณะนี้กับพ่อแม่ ซึ่งลูกทั้ง 2 คนขณะนี้ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ"นายสมหวังกล่าว
ที่มา ข่าวสด

ศาลอาญาประทับรับฟ้องคดี เฉลิม อยู่บำรุง หมิ่น ศรีสุบรรณฟาร์ม

ศาลอาญาประทับรับฟ้องคดี “เฉลิม อยู่บำรุง” อดีต รมว.มหาดไทย หมิ่นบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม กล่าวหาถือครองที่ดิน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานีโดยมิชอบ นัดแถลงเปิดคดี 22 ธ.ค.นี้

วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดีดำเลขที่ อ.1185/2551 ที่ บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด โดยนายผดุงเกียรติ พรหมแก้ว ผู้รับมอบอำนาจและผู้ถือหุ้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.มหาดไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีกล่าวหา บ.ศรีสุบรรณฟาร์ม ถือครองเอกสารสิทธิที่ดินใน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 59 แปลง กว่า 1,300 ไร่ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดี มีมูล จึงมีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องคดีไว้เพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไป โดยให้นัดแถลงเปิดคดีในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เวลา 13.00 น.

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวหาบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม ถือครองเอกสารสิทธิที่ดินใน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 59 แปลง กว่า 1,300 ไร่ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยโจทก์ระบุว่า ข้อเท็จจริงโจทก์ได้ซื้อที่ดินมาโดยวิธีสุจริต ถูกต้องตามกฎหมาย จากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม โดยเมื่อ พ.ศ.2524 ชาวบ้านที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ได้ไปยื่นออกเอกสารกับกรมที่ดิน โดยกรมที่ดินได้ออกนส.3 ก.ให้ 22 ฉบับ และในปี 2529 กรมที่ดินได้ออก น.ส.3 ก.ให้อีก 59 ฉบับ ต่อมาเจ้าของได้รวบรวมที่ดินแล้วนำมาขายให้กับบริษัท ไทยมาเลเซียน จำกัด และต่อมาขายต่อให้กับ บริษัท สากล ปาล์ม ซึ่งบริษัท สากลปาล์ม ได้จำนองให้กับธนาคารกรุงไทย แต่ไม่มีเงินชำระหนี้

ต่อมา ธนาคารได้นำมาประมูลขายทอดตลาด ทางบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จึงทำการประมูลมาในราคา 33.3 ล้านบาท และในวันที่ 26 ต.ค.2546 บริษัทได้จดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวโดยยืนยันว่าเป็นที่ดินใน อ.คีรีรัฐนิคม เป็นกรรมสิทธิ์ที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายจริง
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

สาวสวย Seventeen Ambassador 2008

ฉลองครบรอบ 6 ปี นิตยสาร Seventeen Thailand จัดกิจกรรมครั้งยิ่งใหญ่ “Seventeen 6th Anniversary” นอกจากจะมีศิลปิน นักร้อง นักแสดง มาแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง แจ้งเกิดดาวรุ่งดวงใหม่ สาว Seventeen Ambassador 2008 เป็นตัวแทนของสาวยุคใหม่ที่มีความสวย ฉลาด และมั่นใจ

สำหรับประกวด Seventeen Ambassador 2008 มีคอนเซ็ปต์เฟ้นหาสาวรุ่นใหม่ที่เก่งมี มนุษยสัมพันธ์ บุคลิกดี มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก และสามารถนำเสนอตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยมีสาวสวยให้ความสนใจร่วมสมัครมากว่า 800 คน ซึ่งคณะกรรมการได้คัดเลือกผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพียง 12 คน
บรรยากาศในการประกวด Seventeen Ambassador ปีนี้คึกคักเป็นพิเศษ สมกับวัยทีนโดยเฉพาะ เพราะมีกิจกรรมที่ผู้เข้าประกวดต้องแสดงความสามารถให้คณะกรรมการได้ชม หลายอย่าง เริ่มจาก การเดินแฟชั่นโชว์ ในรอบแรก, การแสดงความสามารถพิเศษ, แฟชั่นโชว์ภายใต้คอนเซ็ปต์ DIY (Do It Yourself) by Maybeline New York โดยให้ทุกคนออกแบบเสื้อผ้าที่ได้รับโจทย์มา แล้วใส่แนวคิดและแรงบันดาลใจของตนเองลงไปว่าอยากนำเสนอออกมาในรูปแบบใด

ผลปรากฏว่า สาวน้อย "Seventeen Ambassador 2008" ตกเป็นของ “ฝน” อาภารัตย์ ศรีวงษ์คล นิสิตสาวปีที่ 3 คณะบัญชี ภาควิชาภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยการตอบคำถามอย่างจากคณะกรรมการที่ว่า รู้สึกอย่างไรกับการถ่ายคลิปวีดีโอ
" ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จึงรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยากให้กำลังใจกับผู้ที่ถูกแอบถ่ายว่า อย่าคิดมากเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย ให้ถือเป็นโชคร้ายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนคนที่แอบถ่ายก็ขอให้หยุดกระทำได้แล้วเพราะถ้าเป็นตนเองโดนกระทำแบบนี้ บ้างจะรู้สึกอย่างไร" สาวฝนตอบคำถามได้ใจคณะกรรมการไปเต็มๆ

ทั้งนี้ เจ้าตัวยังแสดงความสามารถพิเศษบนเวทีด้วยการเดินดรัมเมเยอร์ พร้อมโชว์ไอเดียสุดเก๋ไก๋ด้วยแฟชั่นโชว์ DIY นำกระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้ว มาตกแต่งเป็นกระโปรง เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วยการนำสิ่งของเหลือใช้มาทำให้มีคุณค่าได้ใหม่

ส่วนรางวัล "Maybelline Sassy Girl" สาวผู้มีความเปรี้ยว มั่นใจ ตกเป็นของ “เดือน” พิชญ์สินี สิมะเสถียร สาวน้อยวัย 17 จากรั้วโรงเรียนบดินทรเดชา ด้วยคำถามที่ว่า หากเปรียบ นิตยสารเซเว่นทีน เป็นอาหารไทย น่าจะเหมาะกับอาหารเมนูใด
คำตอบของเธอคือ วุ้นเส้นผัดไทยกุ้งสด เพราะวุ้นเส้น เปรียบได้กับผู้หญิงที่รักสวยรักงาม ส่วนผัดไทย เป็นเมนูที่รวมส่วนประกอบหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน ส่วนกุ้งสด เป็นเครื่องที่ใช้ตกแต่งหน้าตาอาหารให้สวยงามยิ่งขึ้น ก็เหมือนกับเซเว่นทีน ที่มีส่วนผสมหลายอย่างไว้ด้วยกัน ทั้งสาระ บันเทิง ความสวยความงาม ที่น่าสนใจ

รางวัล "Seventeen Coolest" สาวเท่ เก๋ไก๋ ตกเป็นของ “ปาล์ม” ปาลิดา เจริญพันธ์ นักศึกษาปี 3 คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาและวรรณคดีอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยคำถามที่ว่า วัยรุ่นควรจะปรับตัวอย่างไรกับสถานการณ์ที่กำลังวุ่นวายอยู่ในสังคมปัจจุบัน นี้

ปาล์ม ตอบว่า ต้องมีทัศนคติที่กว้าง เปิดใจยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใด เพื่อไม่ให้เกิดการแตกแยก แต่ควรให้ความสนใจในเรื่องการเมืองบ้าง เพราะวัยรุ่นจะเป็นอนาคตของชาติที่จะต้องดูแลประเทศชาติต่อไป จึงควรเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ให้เข้าใจ

รางวัล "Seventeen Photogenic" ขวัญใจช่างภาพและสื่อมวลชน ตกเป็นของ “กู๊ด” ชมเพลิน เอื้อวิวัฒน์สกุล นิสิตชั้นปี 3 คณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยคำถามที่ว่า หากเทรนด์เกาหลี Out ไปแล้ว อยากให้เทรนด์อะไรมาแทนที่ในเมืองไทยต่อไป เพราะอะไร

สาวคนนี้ตอบว่า ต้องการให้เทรนด์แบบไทยๆ เป็นที่นิยมเพราะเมืองไทยมีสิ่งดีๆ เยอะ เช่น รอยยิ้มที่เรียกว่า ยิ้มสยาม ถ้าคนไทยยิ้มให้กันทุกวันก็เหมือนเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก และทำให้ทุกคนมีความสุข
ควงคู่ เพื่อนสาวร่วมคณะอย่าง “โอ๋” ศิริพรรณ ลุนทุม นิสิตสาวคณะเศรษฐศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับตำแหน่ง "Seventeen Charming" สาวผู้มีเสน่ห์จนอดหลงใหลไม่ได้ ด้วยคำถามที่ว่า ถ้ามีอำนาจเปลี่ยนแปลงโลกได้ อยากเปลี่ยนแปลงเรื่องอะไรที่สุด

คำตอบของสาวคนนี้คือ ต้องการเปลี่ยนให้คนไทยมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อลดญหาการแตกแยกทางการเมือง ปัญหาสังคม ปัจจุบันคนไทยต้องการสิ่งเหล่านี้มากเพื่อที่จะนำมาพัฒนาประเทศต่อไป

ท้ายสุดที่ตำแหน่ง "Seventeen most talented" สาวผู้มีความสามารถโดดเด่นที่สุด ตกเป็นของ “จ๋า” ภรภัทรเดชาธีรนิจ นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยคำถามที่ว่า หากเปรียบประเทศไทยเป็นใบหน้า ต้องการให้มีอะไรอยู่บนหน้าบ้าง

น้องจ๋า กล่าวว่า อยากให้มีรอยยิ้มส่งให้กัน เพราะถ้าทุกคนหันหน้าเข้าหากันจะทำให้ทุกคนมีความสุข มองโลกในแง่ดี และทำให้โลกสงบสุขได้

ด้าน แพร กวิตานนท์ บรรณาธิการนิตยสาร Seventeen หนึ่งในคณะกรรมการ กล่าวถึง ตำแหน่งสาว Seventeen Ambassador 2008 ว่า เป็นสาววัยทีนที่มีความมั่นใจ ตรงกับคอนเซ็ปต์ของหนังสือ ซึ่งไม่ต้องการเน้นคนสวย รูปร่างดี เพื่อมาเป็นดาราหรือนางแบบในวงการบันเทิง แต่เป็นคนธรรมดาที่เป็นนักศึกษา หรือชั้นมัธยม หรือคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ที่สะท้อนความคนสมัยใหม่ที่มีความมั่นใจ มีมุมมองที่ดี ไอเดียดี เป็นเพื่อนที่น่ารักในหมู่เพื่อนๆ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่วัยรุ่น

“สำหรับ น้องที่ได้รับตำแหน่งแอมบาสเดอร์ของเรา จะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ หลายอย่างคือ จะได้เป็นตัวแทนของเซเว่นทีน ไปพบกับ แอมบาสเดอร์ของเซเว่นทีนต่างประเทศ และจะได้ร่วมงานกับเซเว่นทีนตลอดปี นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงเชิญชวนให้เพื่อนๆ ชาวเซเว่นทีนมาประกวดในปีหน้า ซึ่งปีต่อๆ ไปเราอาจเปลี่ยนโจทย์ให้ท้าทายมากขึ้น มีลูกเล่นเพิ่มเข้ามา แต่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมไว้ ไม่รู้สึกผิดหวังเลยกับแอมบาสเดอร์ของเราที่ผ่านมาทุกคน เพราะมีเสียงตอบรับจากภายนอกว่า สาวเซเว่นทีน ของเราเป็นคนดีมีคุณภาพ และมีโปรไฟล์ที่ดีมาตลอด”

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

คาสิโอโชว์มือถือ Exilim กล้อง 8 ล้านพิกเซล

เคดีดีไอ (KDDI) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่นโชว์ตัว Exilim W63CA โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดสายพันธุ์ Exilim ชื่อเดียวกับสายพันธุ์กล้องดิจิตอลของคาสิโอ (Casio) เพื่อบ่งบอกว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้มาพร้อมกล้องดิจิตอลของคาสิโอ เน้นการถ่ายภาพสุดคมชัดเหมือนมือถือกล้องตระกูล CyberShot ของโซนี่อิริกสัน

W63CA ถูกมองว่าจะเป็นคู่แข่งของคาเมราโฟนอย่างโซนี่อิริกสัน โดย KDDI ให้ข้อมูลว่ากล้องดิจิตอลในโทรศัพท์มือถือ Exilim มาพร้อมเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 8.1 ล้านพิกเซล โฟกัส 9AF มีระบบตรวจจับใบหน้า หน้าจอโอแอลอีดีใหญ่เต็มตา 3.1 นิ้วเทคโนโลยี WVGA ซึ่งให้ความละเอียดหน้าจอที่ 800x480 พิกเซล ตัวเครื่องบางเฉียบ 17.4 มิลลิเมตร น้ำหนัก 124 กรัม รองรับเทคโนโลยี 3G เล่นไฟล์วีดีโอบนยูทูบ (YouTube) ได้
ที่ น่าสนใจคือคาสิโอส่งรายละเอียดโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ให้คณะกรรมการกำกับดูแล ด้านการสื่อสารของสหรัฐฯหรือ FCC ตรวจสอบ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้สามารถจำหน่ายในตลาดสหรัฐฯแล้วเมื่อปลายเดือน สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายมองว่าโทรศัพท์จากญี่ปุ่นรุ่นนี้อาจจะเริ่มทำตลาดนอกประเทศ อย่างจริงจัง รวมถึงการเน้นพัฒนาบริการใช้งานในต่างประเทศของชาวญี่ปุ่นให้ดีเยี่ยมยิ่ง ขึ้น

KDDI ให้ข้อมูลว่ากำไรของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2008 นั้นเพิ่มขึ้นราว 3.7 เปอร์เซ็นต์ เพราะผลจากธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือซึ่งช่วยเยียวยาการขาดทุนในธุรกิจ โทรศัพท์ fixed-line (โทรศัพท์พื้นฐาน) ได้ดี โดยกำไรสุทธิตลอด 6 เดือน (เมษายนถึงกันยายน) KDDI ทำได้ 151,100 ล้านเยน (ราว 55,550 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 145,700 ล้านเยนในปีก่อนหน้า

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

น้องหมา ฮา...เฮ...รับ ฮัลโลวีน

ใกล้เทศกาล "ฮัลโลวีน" เข้ามาทุกที บรรยากาศแห่งการ ทริก ออล ทรีท ดูจะคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น หนุ่มสาวพากันรังสรรค์แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นผีออกมาหลอกหลอนชาวเมืองกัน อย่างสนุกสนาน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตูบที่ถูกเจ้านายสุดเลิฟจับมาแต่งแฟนซีสร้างสีสันวันปล่อย ผีก่อนใคร

ในงาน "ทอมป์สกินส์ สแควร์ ฮัลโลวีน ด๊อก พาเหรด" ซึ่งปีนี้จัดเป็นปีที่ 18 แล้ว และถือว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีของนิวยอร์กก็ว่าได้

ว่าแต่พอนึกถึง ฮัลโลวีน ปุ๊บ ทุกคนก็ต้องคิดถึงภูตผีปีศาจ ที่พากันออกมาอาละวาดปั๊บ แต่สำหรับพาเหรดเจ้าตูบรับฮัลโลวีนนี้ ไม่ได้มีความน่ากลัวเลยสักกะติ๊ด กลับมีแต่ความน่ารักน่าหยิกซะเหลือเกิน

ยิ่งปีนี้เจ้าของสุนัขดูจะสนุกกับการจับเจ้าตูบแต่งตัวเอามั่กๆ เพราะแต่ละคนดูจะบรรเจิดไอเดียสุดเก๋ ยิ่งเจ้าของงานไม่มีคอนเซปต์ให้ด้วยแล้ว ก็มันกันเต็มที่ ดูจาก เจ้าปิแอร์ สุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก ที่ถูกจับแต่งตัวตามแบบคนแจวเรือกอนโดลาในเมืองเวนิส ส่วน เจ้าริคโก พันธุ์ชิวาวาขนยาว ก็ถูกแต่งให้เป็นช่างประปา ซึ่งเสื้อผ้าของเจ้าตูบดูจะเลียนแบบช่างประปาได้เหมือนเป๊ะ โดยเฉพาะเจ้ากางเกงยีนหลุดตู๊ดนั่นน่ะ

ส่วน เจ้าชิวาวา บักซี่ ที่นั่งอยู่ในตะกร้าหวาย ก็ถูก นิโคล เคนท์ เจ้านายนำคอนเซปต์หนูน้อยหมวกแดง มาแต่งให้เจ้าหมาน้อย แต่แทนแต่งให้เป็นหมาป่าในเทพนิยายแทนซะงั้น ดูยังไง้ยังไงก็ไม่น่ากลัวสักกะติ๊ด แล้วใช่ว่าจะมีแต่น้องหมาที่แต่งตัวเลียนแบบมนุษย์เท่านั้นนะ เจ้านายบางคนก็แปลงร่างเจ้าตูบให้เป็นสรรพสัตว์นานาชนิด อาทิ นกยูง งูยักษ์อนาคอนดา กวางเรนเดีย นกฟลามิงโก้ ฯลฯ แต่ละตัวก็เลียนแบบท่าทางของสัตว์เหล่านั้นได้น่ารักเหลือร้าย บางตัวก็ถูกเจ้านายจับพ่นสีซะเขียวอี๋ ไม่พอยังออกแบบชุดให้เป็นถังขยะอีกต่างหาก ทำร้ายกันเข้าปาย...

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเมืองควีนส์ ก็แต่งตัวเจ้าเดลีให้เป็นซานตาคลอสซะ เรียกว่านำซานต้าผู้ใจดีมาปราบผีน้อยแสนซนทั้งหลายกันเลยทีเดียว เมืองบร็องซ์ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ฉุดเจ้าแบนดิทมาแต่งเป็นมาเฟียประจำโต๊ะโป๊กเกอร์ ซ่าอย่างนี้มีรึที่เพื่อนสุนัขจะไม่มาร่วมวง
ที่มา คมชัดลึก