Monday, November 3, 2008

เสื้อแดงเชียงใหม่ปิดล้อมสถานี TPBS

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – “เพชรวรรต-กลุ่มเสื้อแดง” เชียงใหม่สุดถ่อย ยกกำลังคุกคามสื่อยกพลปิดล้อม TPBS ห้ามคนเข้าออก ขู่ตัดน้ำตัดไฟ หลังถูกแฉจ้างคนร่วมเวที “ความจริงสัญจร” 1 พ.ย.51 เรียกร้อง “เทพชัย หย่อง-ผู้ประกาศข่าว-ผู้ให้ข่าว” ชี้แจงถึงที่ด่วน ตั้งแต่เช้าวันนี้ (3 พ.ย.) นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่เป็นกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลพรรค พปช.มาอย่างต่อเนื่อง ได้ใช้สถานีวิทยุชุมชน 92.5 เมกะเฮิร์ตซ เรียกระดมคนเสื้อแดงให้มารวมตัวกันที่หน้าโรงแรมแกรนวโรรสพาเลซ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ เพื่อเดินทางไปขอคำชี้แจงจากสถานีโทรทัศน์ TPBS ที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ กรณีที่มีการออกข่าวว่า มีการใช้เงินว่าจ้างคนเสื้อแดงจากเชียงใหม่ ให้ไปร่วมเวที “ความจริงวันนี้สัญจร” ที่สนามกีฬาหัวหมาก กทม.เมื่อ 1 พ.ย.51 ที่ผ่านมา ในราคา 500 บาท/คน/วัน โดยสามารถเรียกระดมคนเสื้อแดงมาร่วมได้ประมาณ 100 กว่าคน เดินทางด้วยรถยนต์จำนวน 13 คัน โดยระหว่างที่ขบวนรถของกลุ่มคนเสื้อแดงขับผ่านบริเวณสี่แยกศาลเด็ก (ถนนเชียงใหม่ - ดอยสะเก็ด - เชียงราย) เพื่อมุ่งหน้าไปสถานี TPBS นั้น ได้จอดรถบริเวณหน้าร้านจำหน่ายจานดาวเทียม ของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ขึ้นป้ายหน้าร้านว่า รับติดตั้งจานถ่ายทอดสัญญาณ ASTV ไว้หน้าร้าน กลุ่มคนเสื้อแดงได้พากันจอดรถ พร้อมกับมีทีท่าว่าจะบุกเข้าไปปลดป้ายไวนิลดังกล่าว ทำให้พนักงานในร้านได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที อย่างไรก็ตามกลุ่มคนเสื้อแดง เพียงแต่นำท่อนเหล็กเดินไปที่หน้าร้านเท่านั้น ไม่ได้ปลดป้ายดังกล่าวแต่อย่างใด จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่สถานีโทรทัศน์ TPBS ต่อไป ต่อมา เมื่อเวลา 11.30 น. กลุ่มคนเสื้อแดงได้บุกพังประตูรั้วสถานีเข้าไปปิดล้อมอาคารของสถานีโทรทัศน์ TPBS พร้อมใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยเรียกร้องให้ผู้บริหารสูงสุดของสถานีคือ นายเทพชัย หย่อง ผอ.สถานี TPBS, ผู้ประกาศข่าว และผู้ที่ให้ข่าวเรื่องนี้ เดินทางมาชี้แจงเรื่องนี้ที่สถานีฯเชียงใหม่ ไม่เช่นนั้นตัดน้ำ ตัดไฟ และห้ามคนเข้าออกสถานีโดยเด็ดขาด ซึ่งขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ของสถานีฯ อยู่ภายในอาคารประมาณ 30 คน พร้อมกันนั้น นายเพชรวรรตยังประกาศว่า ขณะนี้กำลังมีพี่น้องคนเสื้อแดงเชียงใหม่ จาก อ.สันกำแพง-ดอยสะเก็ด ที่กำลังรวมกลุ่มกัน เดินทางมาสมทบเพิ่มอีกหลายร้อยคน รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งกำลังเข้าไปดูสถานการณ์เพียง 30 นายเท่านั้น ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

No comments: