Thursday, October 30, 2008

ฮาโลวีน ไนท์

หากพอมีเวลา ก่อนจะไปครื้นเครงแบบพอประมาณในค่ำคืนสุดสะพรึง 31 ตุลาคม วันฮาโลวีน ขอแนะนำให้ลองจำแลงกาย กับชุดผียอดนิยม อย่าง ชุดโครงกระดูก ชุดแดร๊กคูล่า ชุดมัมมี่ เพิ่มความหวีดสยองด้วยการสวมหนากากผีดุโหด แล้วยังมีหมวกแม่มดเสริมเขาแหลมแดงเพลิง ต่อความเหี้ยมด้วยเล็บปลอม และเคี้ยวท่านเคาท์ หรือจะอวดฝีมือการแต่งหน้าสไตล์ผี เพิ่มรอยหยดเลือดปลอมให้ดูสมจริงก็เด็ดไปอีกแบบ และอย่าลืม ‘แจ๊ก-โอ-แลนเทิร์น’ หรือฝักทองแกะสลัก ไปขอขนมทานฟรี แทนการหลอกผีจากคนที่ร่วมเทศกาล แม้ฮาโลวีน จะเป็นเทศกาลของชาวตะวันตก แต่เพื่อความสนุกสนาน ผ่อนคลายหลังรู้สึกตรึงเครียดจากการทำงาน หรือการเรียน คงพอจะเป็นเหตุผลที่สามารถอินเทรนด์กับเทศกาลผี ผี กันได้ ที่มา เดลินิวส์

ศาลสั่งจับตา ทักษิณ โฟนอิน ความจริงวันนี้สัญจร

วันนี้ (31 ต.ค.) แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ได้เรียกผู้บริหารสำนักงานศาลยุติธรรม และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เข้าหารือกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องคำพิพากษา จำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก จะโทรศัพท์จากประเทศอังกฤษผ่านรายการความจริงวันนี้สัญจร (1 พ.ย.) นี้ ซึ่งอาจมีการกล่าวถ้อยความพาดพิงสถาบันศาลในลักษณะดูหมิ่นผู้พิพากษา หรือเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล จึงให้สำนักงานศาลยุติธรรมเตรียมรวบรวมเนื้อหาคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานในการยุติธรรม หรือดูหมิ่นผู้พิพากษา ตามมาตรา 198 ซึ่งคดีดังกล่าวมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-1.4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฐานละเมิดอำนาจศาลตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 33 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวว่า ประธานศาลฎีกาได้แสดงความห่วงใยในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกแถลงการณ์สื่อต่างประเทศโต้แย้งคำพิพากษาขององค์คณะศาลฎีกาฯ ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ และได้สั่งการให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เผยแพร่คำพิพากษากลาง และคำพิพากษาส่วนตัวขององค์คณะคดีที่ดินทั้ง 9 คนผ่านทางเว็บไซต์ศาลฎีกา www.supremecourt.go.th ให้ประชาชนทั่วไปอ่านเพื่อสร้างความเข้าใจในเหตุผลการตัดสิน โดยเฉพาะคำพิพากษาส่วนตนจะมีทั้งเสียงข้างมากที่ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ และเสียงข้างน้อยที่ตัดสินยกฟ้องว่าองค์คณะใช้เหตุผลตัดสินอย่างอิสระไม่มี ใครแทรกแซง

“ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่ผู้พิพากษาเกี่ยวกับการออกมาโต้ แย้งคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าศาลยุติธรรมต้องปกป้องสถาบันศาลไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงจากคำพูดของผู้ ต้องคำพิพากษาจำคุกอย่างไร แต่ศาลไม่มีหน้าที่ลงไปทะเลาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้พิพากษาในองค์คณะบางคนเห็นว่า ศาลควรรอให้มีผู้เสียหายซึ่งอาจจะเป็นนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ในคดีที่ดินรัชดาฯ มาร้องให้ศาลพิจารณากรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ละเมิดอำนาจศาลจึงเริ่มดำเนินการน่าจะเหมาะสมกว่า” แหล่งข่าวเผย

ทั้งนี้ แหล่งข่าวคนเดิมยังกล่าวด้วยว่า ประธานศาลฎีกากังวลที่สื่อสารมวลชนนำเสนอข่าวความเห็น หรือการนำถ้อยแถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณมาเผยแพร่ เพราะการเผยแพร่ข่าวของสื่ออาจเข้าองค์ประกอบดูหมิ่นผู้พิพากษา หรือละเมิดอำนาจศาลไปด้วย ดังนั้น สื่อควรพิจารณาเนื้อหาและศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนจะตีพิมพ์อะไร รวมทั้งต้องคิดให้มากด้วยว่าสมควรให้ความสำคัญเผยแพร่ข่าวนั้นมากน้อยแค่ไหน เพราะอาจเป็นการเพิ่มช่องทางกระพือความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

Wednesday, October 29, 2008

คลิปหน้าคล้ายนายก สมชาย

อ้น ถอนตัว เทวดาสาธุ รับตัวเองไม่ได้

"อ้น" สราวุธ มาตรทอง ตัดสินใจถอนตัวจากละครเรื่อง "เทวดาสาธุ" หลังคลิปเริงสวาทกับแฟนเก่าหลุดว่อนในอินเทอร์เน็ต ด้าน "ปุ๊" มนตรี เผยเสียดายนักแสดงรุ่นน้อง บอกสนิทกันเหมือนพี่-น้อง

หลังจากมีคลิปหน้าเหมือน"อ้น" สราวุธ แพร่ทางอินเทอร์เน็ต กระทั่ง พระเอกคนดัง ออกมาเปิดแถลงข่าวทั้งน้ำตาพร้อมยืดอกยอมรับ ว่าภาพที่เห็นเป็น ตนเองกับแฟนเก่า เรื่องที่เกิดเกิดจากความคึกคะนอง และความสะเพร่าของตน เอง เพราะมือถือเครื่องที่ถ่ายคลิปดังกล่าวหายไป อีกทั้งยังกราบขอโทษทุก คน และขอยอมรับผิดทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว ล่าสุดมีข่าวเล็ดลอดออกมา ว่า พระเอกหนุ่ม รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถรับตัวเองได้ จึง ตัดสินใจขอถอนตัวจากซิทคอมเรื่อง เทวดาสาธุ ที่ออกอากาศทางช่อง 3 ทุกคืนวัน อาทิตย์ เวลา 23.00 น. ของบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น

แหล่งข่าวแจ้งว่าเนื่องจากที่ผ่านมา ภาพของพระเอกคนดังดีมาตลอด แต่เมื่อ มีภาพหลุดขณะกำลังเริงสวาทกับแฟนเก่าโผล่ออกมา ทำให้ "อ้น" เสียความมั่นใจ ในตัวเอง และเนื่องจากซิทคอมเรื่องดังกล่าว เขารับบทเป็น "สาธุ" เทวดา หนุ่ม ซึ่งภาพที่หลุดออกมาขัดกับบทบาทที่เขาได้รับ ส่งผลให้ต้องตัดสิน ใจ แสดงสปิริตด้วยการขอถอนตัว โดยเข้าไปบอกกับผู้ใหญ่ของบริษัทบรอดคาซท์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของผู้ใหญ่ ซึ่ง พระเอกคนดัง อาจจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ เกี่ยวกับเรื่อง นี้ ได้สอบถามไปยังนักแสดงรุ่นใหญ่ ที่แสดงร่วมกันในซิทคอมเรื่องดังกล่าว " ปุ๊" มนตรี เจนอักษร ได้ความดังนี้

"เรื่องอ้นขอถอนตัว ผมยังไม่ทราบเรื่อง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมก็ ย่อมเสียดาย เพราะคนสนิทกัน เรื่องนี้เราร่วมงานกันมา 2 ปีแล้ว เจอหน้ากัน ทุกอาทิตย์ และไม่ได้เจอเรื่องนี้เรื่องเดียว ผมเจอกับอ้นเรื่องอื่น ด้วย สนิทกันจนอ้นกลายเป็นน้องชายผมไปแล้ว" ปุ๊กล่าว

ถามต่อว่าภายหลังจากเกิดเรื่อง พระเอกหนุ่มมาปรึกษาอะไรหรือเปล่า ซึ่งได้คำตอบ ว่าทุกครั้งที่ทำงาน ก็ไม่ได้คุยกันถึงเรื่องนี้เลย

"ไม่ได้เอ่ยถึงเลย จะคุยถึงเรื่องอื่น อย่างอ้นเพิ่งกลับมาจาก อังกฤษ เขาก็เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไรบ้าง การทำงานความตั้งใจ และความ รู้สึกก็เหมือนเดิม อ้นก็วางตัวเหมือนเดิม ปกติอ้นเป็นคนเฉยๆ บางครั้งก็มี สนุกสนานบ้าง ทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นที่รักของทุกคนเหมือนเดิม" นักแสดงมือ อาชีพกล่าว
ที่มา คมชัดลึก

วางบึ้ม ยิงใส่พันธมิตรบาดเจ็บระนาว

วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 06.45 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยืนยันว่า คนที่มาทำร้ายเรา เป็นฝีมือรัฐบาลทั้งสิ้น และเราจะไม่ยุติการดาวกระจายไปสถานทูตอังกฤษ เพราะพวกเราจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ จากคนที่ลอบกัด เนื่องจากเป็นเวลากลางวัน คนเหล่านี้จะไม่กล้าทำอะไร ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น การ์ดพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย สาหัส 1 ราย โดยถูกส่งตัวไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล แสดงให้เห็นว่าเขามีความพยายามที่จะสร้างความปั่นป่วนให้กับพันธมิตรฯ และเมื่อถึงจุดหนึ่งเมื่อรัฐบาลโหดถึงขั้นใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน และคนที่จะถืออาวุธได้อย่างเปิดเผยก็คือ ตำรวจ และทหาร

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ได้มีหนังสือไปถึงกองทัพบก ขอให้จัดกำลังพลไปช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับพันธมิตรฯ แต่กองทัพบกก็ไม่ได้ส่งทหารมาช่วยรักษาความปลอดภัยแต่อย่างใด หรือทหารอาจจะรอว่าต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน แล้วจึงจะเข้ามาช่วย แต่พอเกิดเหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เราจึงทำหนังสือไปถึงกองทัพบกอีกครั้ง เพื่อขอสารวัตรทหารมาช่วยรักษาความปลอดภัย แต่ทหารก็ยังเมินเฉย จนกระทั่งมาเกิดเหตุร้ายซ้ำขึ้นอีก

“ฉะนั้นในครั้งนี้ หากเราร้องขอสารวัตรทหารไปยังกองทัพบก คาดว่าทางกองทัพจะยินยอมให้สารวัตรทหารบกมาช่วยรักษาความปลอดภัยให้เรา เพราะถ้าหากไม่ส่งคนมาช่วยเรา ก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชน ทั้งๆ ที่พวกเราต่อสู้อย่างยากลำบาก นอนกลางดิน กินกลางทราย เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤตของชาติ ไม่เหมือนฝ่ายรัฐบาลที่ใช้วิธีการเหี้ยมโหดกับคนไทยด้วยกัน แต่กับเขมรที่ออกมาขู่ว่าจะโจมตี กลับไม่ยอมทำอะไร ฉะนั้นเรามันโชคร้ายที่มาเจอรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นเราถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว เพราะเราไม่ต้องการปล่อยให้บ้านเมืองพังทั้งๆ ที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราจึงต้องมาชุมนุมกันอยู่ที่ทำเนียบฯ นี้”พล.ต.จำลอง กล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ได้เป็นเครื่องบ่งชี้ให้ผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์เห็นว่า จะไม่ช่วยเราเลยหรือ ถามว่าท่านมีหน้าที่รักษาสถาบันโดยตรงหรือไม่ ท่านมาเหนื่อยกับเราหรือไม่ แล้วท่านเสี่ยงกับการถูกทำร้ายอย่างพวกเราหรือไม่ และถ้าปล่อยไปอย่างนี้ คิดว่าคงเกินมาตรฐานของชาวบ้านอย่างพวกเรา ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกที่จะมีการชุมนุมปักหลักพักค้างถึง 150 กว่าวันมานี้ ที่สำคัญเราโชคร้ายที่มาเจอกับรัฐบาลชุดนี้ และโชคร้ายที่เรามาเจอกับผู้ใหญ่ที่นั่งเฉย นอนเฉย แล้วเราจะดูกันต่อไปว่าท่านจะขยับหรือไม่ อย่างไร
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

บึ้มใส่บ้าน จรัญ ภักดีธนากุล

มือมืดสร้างสถานการณ์ลอบปาระเบิดใส่บ้าน "จรัญ ภักดีธนากุล" ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ย่านคลองตัน ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์-กระจกแตก เจ้าตัวและครอบครัวปลอดภัย

วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น.ร.ต.ท.สมชาย สารเกษ ร้อยเวร สน.คลองตันได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนร้ายได้ปาระเบิดใส่บ้านของ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ภายในบ้านเลขที่ 92/37 ซอยปรีดีพนมยงค์ 45 แขวงคลองตันเหนือเขตคลองตัน กทม.โดยจุดเกิดเหตุอยู่ที่สวนต้นไม้ภายในบ้าน แรงระเบิดทำให้ดินเป็นหลุมกว้างประมาณ 50 เซ็นติเมตร ลึกประมาณ 25 เซ็นติเมตร นอกจากนี้แรงระเบิดทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ได้รับความเสียหาย กระจกบานเกล็ดและกระจกเลื่อนแตกกระจาย เศษดินกระจายไปทั่ว

ร.ต.ท.สมชายกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีชาวบ้านใกล้เคียงได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์วิ่งเข้ามาแล้ว ก็มีเสียงระเบิดขึ้น ซึ่งขณะเกิดเหตุนายจรัญกำลังพักผ่อนพร้อมบุตรสาวและคนในบ้านรวม 6 คน จากนั้นขณะนายจรัญกำลังอาบน้ำภายในห้องน้ำของบ้านก็ได้ยินเสียงวัตถุมี น้ำหนักตกลงบนหลังคาบ้าน ถัดมาประมาณ 2 นาทีก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณสนามหญ้าข้างบ้าน ทำให้พื้นสนามหญ้าเป็นหลุมลึก กระจกและคอมเพรสเซอร์แอร์ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย เบื้องต้นคาดว่าเป็นระเบิดชนิดแรงดันต่ำ คนร้ายน่าจะประสงค์เพียงข่มขู อย่างไรก็ตามต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้หลังเกิดเหตุพล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.คมสัน เอี่ยมอ่อน รอง ผบช.น.ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 191และตำรวจสายตรวจสน.คลองตันคอยดูแลความปลอดภัยแล้ว

สำหรับ จรัล ภักดีธนากุล เกิดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2493 จบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 1) จบเนติบัณฑิตไทย รุ่นนั้นมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนอันดับสองได้แก่ วิษณุ เครืองาม จากนั้นไปเรียนต่อ B.A. มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเนติบัณฑิตอังกฤษ

เริ่มรับราชการครั้งแรกเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ทำงานอยู่ 6 ปี ในปี 2522 สอบได้ผู้ช่วยผู้พิพากษา, ปี 2523 ไปเป็นผู้พิพากษาจังหวัดยะลา, ปี 2528 เป็นผู้อำนวยการกองวิชาการ สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ, ปี 2531 ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกระทรวง, ปี 2534 เป็นรองเลขาธิการส่งเสริมงานตุลาการ, ปี 2535 เป็นเลขาธิการส่งเสริมงานตุลาการ ด้วยวัยเพียง 42 ปี ต่อมาเมื่อศาลแยกตัวออกจากกระทรวงยุติธรรมมาเป็นหน่วยงานอิสระแล้ว เขาได้เลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา และเลขานุการศาลฎีกา ก่อนจะมาเป็นเลขาธิการประธานศาลฎีกา กระทั่งมาเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมและกลับไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจนถึง ปัจจุบัน

ทั้งนี้ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 19 ก.ย. นายจรัญถูกคนในฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังหลบหนีคดีอยู่ในประเทศอังกฤษโจมตีอย่างหนักว่า เป็นปฏิปักษ์กับระบอบเลือกตั้งของพวกตน ทั้งยังพยายามกล่าวหาด้วยว่า นายจรัญเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยถือเป็นลูกจ้าง ต้องถูกถอดถอนจากตำแหน่งตุลาการ นอกจากนี้ชื่อของนายจรัญและภรรยายังถูกยกขึ้นมาโจมตีบ่อยครั้งในรายการ "ความจริงวันนี้" ที่ดำเนินรายการโดยนายวีระ มุกสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อยู่เป็นประจำ จนภรรยานายจรัญต้องฟ้องร้องต่อศาล โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

คลิปหนุ่มใหญ่หน้าคล้าย นายก แพร่ทั่วเน็ต

ผู้จัดการออนไลน์ – ฮือฮาทั่วเน็ต คลิปวิดีโอแอบถ่ายข้าราชการหนุ่มใหญ่ หน้าตาคล้าย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ควงสาว-กิ๊กไม่ซ้ำหน้า เปลี่ยนรถ 4 คัน ทั้ง เบนซ์สปอร์ต-เบนซ์-บีเอ็ม-เลกซัส ทะเบียนกรุงเทพฯ, เชียงใหม่ ไปกินข้าวเช้า ข้าวกลางวัน เข้าม่านรูด แถมมีภาพชัดใช้เวลาราชการพากิ๊กร่างท้วมไปชอปปิ้งเลือกซื้อตู้เย็นที่โฮมโปร สาขาแจ้งวัฒนะ วันเวลาในคลิประบุชัด ระหว่าง 22-28 มีนาคม 2549

พ.ศ.2551 กลายเป็นปีที่มีคลิปลับ ดารา-คนดัง ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอและภาพลับของดาราชาวฮ่องกงนาม “เอดิสัน” เฉิน กว้านซี กับแฟนสาวผู้มีชื่อเสียงประมาณ 14 คนที่แพร่หลายไปทั่วโลกในช่วงต้นปี 2551 คลิปวิดีโอการเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำของโรงแรมแห่งหนึ่งของนักร้องสาวดูโอ “โฟร์-มด” น.ส.ศกลรัตน์ วรอุไร และ น.ส.คุณัชญา ชัยรัตน์ ที่กลายเป็นข่าวฮือฮาในช่วงเดือนกันยายน และ คลิปวิดีโอการมีเพศสัมพันธ์ของ “อ้น” สราวุธ มาตรทอง ที่แพร่กระจายไปทั่วเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด มีรายงานข่าวระบุว่า มีคลิปวิดีโอแอบถ่ายชีวิตของ “คนดัง” ความยาวกว่าครึ่งชั่วโมงถูกเผยแพร่ทั่วอินเทอร์เน็ตในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ทั้งนั้น คลิปวิดีโอดังกล่าวคงไม่เป็นที่ฮือฮาเท่าใดนัก หากบุคคลผู้นั้นไม่ได้มีรูปร่างและใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับใบหน้าผู้นำ ประเทศที่ชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน สามีของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้กำลังหลบหนีโทษจำคุก 2 ปีอยู่ในประเทศอังกฤษ
สำหรับเนื้อภายในคลิปนั้น แหล่งข่าวระบุว่า เป็นการตัดต่อจากหลายๆ ไฟล์ให้เป็นคลิปเดียว เป็นคลิปที่ถือว่าค่อนข้างยาวกว่าคลิปหลุดทั่วๆ ไป โดยคลิปดังกล่าวนี้มีความยาวทั้งสิ้น 25 นาที 26 วินาที ทั้งนี้ แต่ละคลิปมีการระบุวัน-เวลา ไว้อย่างแน่ชัด อีกทั้งยังมีเสียงสดในคลิปที่คอยบรรยายสถานการณ์และระบุสถานที่ต่างๆ คล้ายกับเสียงนักสืบที่รับจ้าง ภรรยา ให้ติดตามพฤติกรรมนอกใจของสามี
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

ลูกอมกระต่ายขาว ปนเปื้อนเมลามีนเกินมาตรฐาน

วันที่ 29 ตุลาคม นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ผลการตรวจวิเคราะห์สารเมลามีนในผลิตภัณฑ์อาหารล่าสุด จำนวน 33 รายการ พบว่า มี ลูกอมครีม ตรากระต่ายขาว white rabbit creamy candy จากประเทศจีน ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจพบเมลามีน 3.85 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมหรือพีพีเอ็ม ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่อย.กำหนดไว้เพียง 2.5 พีพีเอ็ม

นอกจากนี้ ยังพบอาหารที่มีเมลามีนจำนวน 5 รายการ แต่ไม่เกินค่ามาตรฐาน คือ 1. นมผงดัดแปลงสำหรับทารกเสริมธาตุเหล็กสูตรต่อเนื่อง สำหรับทารกและเด็กเล็ก ตราแนน 1 ออฟดิโป 1 บีดีเอชเอพลัส เออาร์เอ นิวคลีโอไทด์ ทอรีน ของบริษัท เนสท์เล่ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เลขสารบบ10-3-10937-1-0221 วันที่ผลิต 15 ก.พ.2551 หมดอายุ 15 ส.ค.2552 พบเมลามีน 0.39 พีพีเอ็ม ซึ่งค่ามาตรฐานนมสำหรับทารกค่ามาตรฐานห้ามเกิน 1 พีพีเอ็ม

2.คุกกี้ช็อกโกแลต ตราชอร์ทที ของบริษัท เดอเบล จำกัด จากประเทศมาเลเซีย เลขสารบบ10-3-20050-1-0007 หมดอายุ 15 ส.ค.2552 พบเมลามีน 1.41 พีพีเอ็ม

3.ขนมปังสอดไส้ครีมช็อกโกแลต ตราเลคชิล ครีมช็อกโกแลต ของบริษัท เดอเบล จำกัด ประเทศมาเลเซีย เลขสารบบอาหาร10-3-20050-1-0003 หมดอายุ 1 ม.ค.2552 พบสารเมลามีน 0.72 พีพีเอ็ม

4.ขนมปังรวมมิตรเมโลดีส์ ยี่ห้อ จูลี่ส์ ของบริษัทมาร์คกิ้นส์อินเตอร์ เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด จากประเทศมาเลเซีย เลขสารบบ 96-4-00136-2-0036 วันที่ผลิต 12 ก.ค.2551 หมดอายุ 12 ก.ค.2552 พบเมลามีน 0.73 พีพีเอ็ม

5.ขนมปังกรอบรูปหมีโคอะล่าสอดไส้ ครีมรสช็อคโกแลต ตราโคอะล่า จากบริษัท ซันฟู้ดส์ เทรดดิ้ง จำกัด ประเทศจีน เลขสารบบ 10-3-13241-1-0299 ผลิต 7 ม.ค.2551 หมดอายุ 6 เม.ย.2552 พบเมลามีน 0.83 พีพีเอ็ม

“ส่วนผลการตรวจสอบไข่ไก่ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าฮ่องกงตรวจพบ ว่ามีการปนเปื้อนเมลามีนนั้น ผลจะออกประมาณอีก 1-2 วัน” นพ.พิพัฒน์ กล่าว
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

มศว ผ่อนผันให้นิสิตจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนได้หวั่นตกงาน

เศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลถึงเศรษฐกิจครัว เรือน มศว ผ่อนผันให้นิสิตจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนได้ หวั่นสายมนุษย์-สังคม ตกงาน เน้นให้นิสิตสร้างงาน อย่ารอเป็นลูกจ้าง

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย อีกทั้งการเมืองในประเทศ ยังมีปัญหาความขัดแย้ง จึงส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศและกระทบต่อการจ้างงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างมากสำหรับนิสิตที่สำเร็จการศึกษาและต้องออกไป สู่โลกแห่งการทำงาน โดยเฉพาะผู้สำเร็จการศึกษาในสายมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์นั้นต้องปรับตัว เองอยากมาก

ในส่วนของมศวนั้น เราปรับหลักสูตร เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบันและอนาคตมากขึ้น โดยต้องส่งเสริมสนับสนุนให้นิสิตมีความรอบรู้มากกว่าการเรียนเพียงอย่าง เดียว ต้องหาส่วนเสริมให้กับนิสิต พัฒนาศักยภาพด้านอื่นๆ ของนิสิตขึ้นมาให้ได้

นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยต้องสร้างทัศนะใหม่ให้แก่นิสิต ต้องรู้จักสร้างที่จะสร้างงานของตัวเองให้มากขึ้น และต้องไม่รอที่จะเป็นลูกจ้างในบริษัทเอกชนหรือรอทำงานในหน่วยงานราชการ เพียงอย่างเดียว ต้องเปิดทางเลือกให้นิสิตมีทางเลือกมากขึ้น

สิ่งที่ มศว เน้นย้ำก็คือ ต้องสอนให้นิสิตสู้งานให้มากขึ้น อดทน และมีความสุขในการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้นด้วย ต้องมีความสุขกับความพอเพียงของตัวเอง ส่วนนิสิตในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้รับผลกระทบในการหางาน มากนัก

“ในขณะนี้คณะกรรมการบริหารยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยได้ให้กองบริการการ ศึกษา สำรวจว่าในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างนี้ นิสิตได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ปรากฏว่า มีนิสิตที่ไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษาเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ทีมผู้บริหารมหาวิทยาลัยกำลังจะหาทางแก้ปัญหาด้วยการให้นิสิตสามารถ ผ่อนค่าทำเนียมการศึกษารายเดือนได้ ถือเป็นการช่วยเหลือนิสิตและครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง ส่วนแนวทางความช่วยเหลือที่ต้องเร่งดำเนินการอีกทางเพื่อช่วยเหลือนิสิตที่ เดือดร้อนก็คือการเพิ่มทุนทางด้านการศึกษาให้มากขึ้นและกระจายให้ทั่วถึงคน ที่เดิอนร้อน” อธิการบดี มศว กล่าว
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตัดพยาน 8 ปากทิ้ง

ผบช.ก.ประชุมชุดสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมราชานุ ภาพ สอบถามความคืบหน้า พบคดีค้าง 32 คดี สั่งฟ้องอัยการ 4 คดี เหลืออีก 28 คดีอยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนคดี “จักรภพ” คณะกรรมการเห็นควรตัดพยาน 8 ปากทิ้ง ระบุ ใช้เวลาในการสอบนานพอแล้ว คณะกรรมการมีความเห็นเดิมสั่งฟ้องให้กรรมการระดับ ตร.มีความเห็นส่งฟ้องให้อัยการต่อไป

วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสอบกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก.ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกคดีที่อยู่ใน ความรับผิดชอบในสังกัด บช.ก.เพื่อติดตามความคืบหน้าและแนวทางการทำงาน โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 2 ชม.

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ขณะนี้ บช.ก.มีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพค้างอยู่ 32 คดี โดยสรุปเสนอสั่งฟ้องให้อัยการไปแล้ว 4 คดี ที่เหลืออีก 28 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งแยกเป็นคดีหมิ่นทางเว็บไซต์ 15 คดี วิทยุชุมชน 2 คดี ที่เหลือก็เป็นคดีร้องทุกข์ทั่วไป วันนี้ก็ได้เรียกพนักงานสอบสวนในแต่ละคดีมาประชุมสอบถามความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการทำงาน

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่มีการร้องขอให้พนักงานสอบสวนทำการสอบพยานเพิ่มอีก 18 ปาก พนักงานสอบสวนสามารถติดต่อพยานสอบปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว 10 ปาก อีก 8 ปากไม่สามารถติดตามได้ทางคณะกรรมการคดีหมิ่นระดับ บช.ก.จึงมีความเห็นให้ตัดพยานทั้ง 8 ปาก ไปเพราะใช้ระยะเวลาในการสอบสวนมาพอสมควรแล้ว คณะกรรมการคดีหมิ่นระดับ บช.ก.จึงได้มีความเห็นตามความเห็นเดิมสั่งฟ้องนายจักรภพในความผิดตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 112 เสนอความเห็นไปยังคณะกรรมการคดีหมิ่นระดับ ตร.แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขั้นตอนต่อไปคณะกรรมการคดีหมิ่นระดับตร.ก็จะมีความเห็น จากนั้นก็ให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามส่งสำนวนพร้อมผู้ต้องหาให้อัยการต่อไป

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของคดีที่เกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอื่นๆ พนักงานสอบสวนก็ให้ความสำคัญทั้งหมด แต่บางคดีดำเนินการยาก เช่น คดีที่เกิดในต่างประเทศ เป็นขั้นตอนของอัยการสูงสุดดำเนินการ ซึ่งอัยการสูงสุดมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพนักงานสอสวนร่วมในการติดตาม พยาน เมื่อติดต่อพยาน บางรายพยานอยู่ต่างประเทศ เมื่อติดต่อได้ก็ไม่ยอมเดินทางมาให้ปากคำ ส่วนกรณี นายโจนาธาน เฮด นักข่าว BBC ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นพระบรมราชานุภาพขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการ ดำเนินการ

ผบช.ก.กล่าวว่า การดำเนินคดีหมิ่นทางเว็บไซต์นั้น ก็มีปัญหาพอสมควรเพราะปกติทางเว็บมาสเตอร์จะเก็บข้อมูลไว้ 90 วัน แต่กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับเรื่องมากก็เกินเวลาแล้วทำให้รวบรวมพยานหลัก ฐานยาก บางคดีทราบไอพีแอ็ดเดรสก็ปรากฏว่าเป็นเครื่องบริษัทเมื่อสอบถามพยานก็ไม่มี ใครยอมรับปฏิเสธกันหมดก็ต้องมาไล่ดูว่าใครใช้เครื่องเวลาไหนอย่างไร ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ” ผบช.ก.กล่าว

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนเองก็ได้เน้นย้ำให้พนักงานสอบสวน เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดฐานหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ และมอบหมายให้ทุกกองบังคับการของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เฝ้าระวังสื่อทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ โดยเฉพาะสถานีวิทยุชุมชน รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ การพูด หรือกล่าวปราศรัยต่อสาธารณชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

สมชาย ฟื้นประชานิยมกองทุนหมู่บ้าน-โอทอป

สมชาย” ฟื้นประชานิยมของ “ทักษิณ” ทั้ง “กองทุนหมู่บ้าน-โอทอป” เล็งขยายวงเงิน SML เป็น 1.5-2 ล้าน เป็นปลื้ม กลุ่มสภาสตรี มอบดอกไม้ให้กำลังใจ ยันจะอดทน อดกลั้น ทำให้คนไทยรักกันให้ได้

วันนี้ (29 ต.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางมาเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการการบูรณาการกองทุนหมู่บ้านและ ชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอทอป) และ เอสเอ็มแอล โดยมี นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดยก่อนเปิดประชุม นายกรัฐมนตรีได้พูดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของศูนย์เครือข่ายถ่ายทอดความ รู้ไปยังที่ว่าการอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ตอนหนึ่งว่า ต้องขอบคุณนายอำเภอที่ทำให้โครงการทั้งเอสเอ็มแอล โอทอป และ กทบ.ประสบผลสำเร็จ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน เพราะถือว่าการทำงานดังกล่าว เป็นเรื่องของชุมชนและหมู่บ้าน ประชาชนจะต้องได้รับการสนับสนุนจากโครงการต่างๆ ซึ่งถือเป็นนโยบายเร่งด่วน ซึ่งตนดีใจที่โครงการเหล่านี้ ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ สามารถเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ลดรายจ่าย อย่างไรก็ตาม ขอให้นายอำเภอช่วยดูแลอย่ามีปัญหาการรั่วไหลของเงิน เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็จะติดตามไปเรื่อยๆ

นายกรัฐมนตรี แถลงว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจของ รัฐบาลสู่ระดับรากหญ้าครั้งนี้ ได้เน้นย้ำ 3 เรื่องสำคัญ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ประกอบด้วย กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ในการสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้น โดยอาจขยายวงเงินออกไปเป็น 1.5-2 ล้านบาท ได้ และจะส่งเงินพัฒนาชุมชนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดูแล และจะให้งบประมาณเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริงโดยโปร่งใส ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นฝ่ายติดตามดูแล รวมถึงโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ที่จะเน้นการผลิตสินค้าอย่างมีคุณภาพ รวมถึงจัดงานโอทอปซิตี้ เป็นครั้งคราว ตามงานเทศกาลต่างๆ ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการเดินทางมาครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ได้มีชมรมสมาชิกรัฐสภารักสตรีไทย ประมาณ 10 คน เดินทางมามอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจต่อนายกรัฐมนตรี โดย นายสมชาย ได้กล่าวขอบคุณ และว่า ตอนนี้จะพยายามใช้ความอดทน อดกลั้น ทำงานให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันแบบพี่แบบน้อง และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มีความรัก สามัคคีซึ่งตนก็พร้อมที่จะเดินหน้าทำงานต่อไป และคิดว่าจากนี้ไปเวลาไปไหนก็คงจะมีความอบอุ่นใจมากขึ้น เพราะสังคมจะมีความรักความสามัคคีมากขึ้น
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวในปากีสถานทะลุ 100 ศพ

เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถานใน ช่วงเช้าวันนี้ (29) มีมากกว่า 100 คนแล้ว และตัวเลขน่าจะพุ่งสูงกว่านี้ เนื่องจากบ้านดินหลายหลังถล่มทับ ขณะที่ผู้รอดชีวิตหนีตายมาอยู่บนท้องถนนอย่างแตกตื่น

มีอย่างน้อย 8 หมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงในเหตุแผ่นดินไหววัดความแรงได้ 6.4 ริกเตอร์ ตำรวจเผยพร้อมเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มมากกว่านี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ไปถึงหลายหมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกลตามชายแดน อัฟกานิสถาน

กรมสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ เผยว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเกตตา และห่างจากกรุงกันดาฮาร์ของอัฟกานิสถานประมาณ 185 กิโลเมตร ประมาณตี 5 ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 06.09 น.ตามเวลาของไทย

ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดอยู่ในหลายหมู่บ้านที่ห่างไกล เนื่องจากบ้านที่สร้างจากดินพังถล่มลงมาและแรงสั่นสะเทือนได้ทำให้หินถล่มลง มาทับบ้านขณะชาวบ้านกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง

ในเกตตา เมืองใหญ่ที่อยู่ติดกัน ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่าผู้คนต่างวิ่งหนีออกจากบ้านเรือนอย่างแตกตื่น ส่วนภาพข่าวสถานีโทรทัศน์เผยให้เห็นภาพราษฎรจำนวนมากอยู่ตามบริเวณท้องถนน ห่อหุ้มตัวเองด้วยเสื้อผ้าหนาอันเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวในตอนเช้า

“เราได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองท้องถิ่นว่ามีผู้เสีย ชีวิตมากกว่า 100 คน” ซามารัค คาน รัฐมนตรีสรรพากรของแคว้นบาลูจิสถาน บอกกับเอเอฟพี

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากเมืองเซียรัต แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์บนแถบภูเขา อยู่ทางเหนือของเกตตา ราว 50 กิโลเมตร บอกว่าพวกเขาสามารถกู้ศพผู้เสียชีวิตได้แล้ว 77 ศพ พร้อมระบุว่า ยังประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ใต้ซากปรักหักพังและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ประมาณ 100 คน ทั้งนี้พบผู้เสียชีวิตอีก 6 ศพในปิชิน ตำบลที่อยู่ใกล้เคียง

โมฮาเมด สุลต่าน ผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับเอเอฟพี ว่า แรงสั่นสะเทือนครั้งแรกปลุกเขาให้ตื่นจากหลับใหลก่อนตี 5 ไม่นาน จากนั้นเขารับรู้ถึงคลื่นสั่นสะเทือนขนาดใหญ่อีก 10 นาทีต่อมา อาคารในเซียรัตพังถล่มและการคมนาคมถูกตัดขาด เขากล่าว พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า “เมืองเหมือนเกิดหายนะ หลายส่วนของเมืองได้รับความเสียหายรุนแรง”


โฆษกของกองทัพปากีสถาน เปิดเผยว่า ได้ส่งทหารราว 250 นาย และเฮลิคอปเตอร์อีก 2 ลำไปยังเกตตาและเซียรัต ขณะที่กำลังมีการประเมินความเสียหายทางอากาศ รวมถึงส่งความช่วยเหลือทางเวชกรรมไปยังพื้นที่อย่างเร่งด่วน


ในกันดาฮาร์ ทางหัวหน้าตำรวจเปิดเผยว่าประชาชนสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่น ดินไหว “แต่เรายังไม่ได้รับายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หรือความเสียหายของอาคาร”


เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.6 ริกเตอร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน และแคชเมียร์ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2005 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 74,000 คน และทำให้คนไร้ที่อยู่อีกกว่า 3.5 ล้านคน ส่วนในเมืองเกตตาก็เคยเกิดแผ่นดินไหว เมื่อปี 1935 มีผู้เสียชีวิตถึง 30,000 คน

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

พ่อวัย82ติดป้ายครวญ-ลูก2คนไม่ดูแล

พ่อ เฒ่าเมืองกรุงเก่าวัย 82 ปี เขียนป้ายติดหน้าบ้านประจาน2ลูก ชายไม่มาเหลียว แลพ่อที่ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ทิ้งให้อยู่ตามยถา กรรมกับแม่และหลาน ต้องหาอยู่หากินกันเอง ล่าสุดยังมาเอาพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ของทั้ง 2 พระองค์ ที่ได้มาสมัยทำงานในสำนักพระราชวังไปอีก เผยเหตุที่ต้องประจานลูกเพราะเจ็บปวดใจ ไม่อยากให้ลูกคนอื่นๆเป็นเหมือนลูกตัวเอง

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 62 หมู่ 1 ต.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ภายหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า บ้านหลังดังกล่าวเขียนป้ายข้อความประจานลูกติดไว้รั้วเหล็กหน้าบ้าน เมื่อไปถึงพบป้ายกระดาษสีขาว ขนาดกว้าง-ยาวประมาณ 20 นิ้ว เขียนข้อความด้วยปากกาด่าว่าลูกชาย 2 คนด้วยถ้อยคำรุนแรง

นายสมหวัง ผลประสูติ อายุ 82 ปี เจ้าของบ้านซึ่งนั่งพักอาศัยอยู่เพิงขนาดเล็กแยกจากตัวบ้านเปิดเผยว่า พักหลับนอนอยู่เพิงหลังนี้ไม่เข้าไปนอนในบ้าน เพราะเวลาเดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก เนื่องจากเป็นอัม พฤกษ์มาประมาณครึ่งเดือนแล้ว ต้องใช้ไม้ค้ำเดิน โดยมีนางวารี ภรรยา อายุ 67 ปี และหลานช่วยพยุง

นายสมหวังเปิดเผยอีกว่า ป้ายหน้าบ้านตนเป็นคนเขียนเอง เพราะลูกทั้งสองคนไม่ค่อยมาดูแล ทั้งๆที่ตนกำลังป่วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องขัดข้องใจกับลูกๆอีกหลายเรื่อง เจ็บปวดใจมาก ความเป็นอยู่ปัจจุบันมีภรรยาคอยช่วยเหลือทำมาหากินโดยเช่าที่ดินในเขตปฏิรูป บางไทรประมาณ 10 ไร่ ทำนา และเลี้ยงปลา ภรรยาปลูกผักนำไปขายตามหมู่บ้าน มีเงินพอเลี้ยงชีพไปวันๆไม่ได้มาก ล่าสุดลูกชายยังมานำเอาพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถขนาดใหญ่ที่ได้มาเมื่อ 20 ปีก่อน สมัยยังทำงานอยู่ในสำนักพระราชวัง ไปอีก

"ที่ต้องเขียนป้ายนี้เพื่อ ต้องการให้คนทั่วไปได้รู้ว่าลูกต้องมาดูแลพ่อแม่ยามเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่อยากให้ลูกๆคนอื่นทำในลักษณะนี้กับพ่อแม่ ซึ่งลูกทั้ง 2 คนขณะนี้ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ"นายสมหวังกล่าว
ที่มา ข่าวสด

ศาลอาญาประทับรับฟ้องคดี เฉลิม อยู่บำรุง หมิ่น ศรีสุบรรณฟาร์ม

ศาลอาญาประทับรับฟ้องคดี “เฉลิม อยู่บำรุง” อดีต รมว.มหาดไทย หมิ่นบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม กล่าวหาถือครองที่ดิน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานีโดยมิชอบ นัดแถลงเปิดคดี 22 ธ.ค.นี้

วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดีดำเลขที่ อ.1185/2551 ที่ บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด โดยนายผดุงเกียรติ พรหมแก้ว ผู้รับมอบอำนาจและผู้ถือหุ้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.มหาดไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีกล่าวหา บ.ศรีสุบรรณฟาร์ม ถือครองเอกสารสิทธิที่ดินใน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 59 แปลง กว่า 1,300 ไร่ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดี มีมูล จึงมีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องคดีไว้เพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไป โดยให้นัดแถลงเปิดคดีในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เวลา 13.00 น.

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวหาบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม ถือครองเอกสารสิทธิที่ดินใน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 59 แปลง กว่า 1,300 ไร่ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยโจทก์ระบุว่า ข้อเท็จจริงโจทก์ได้ซื้อที่ดินมาโดยวิธีสุจริต ถูกต้องตามกฎหมาย จากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม โดยเมื่อ พ.ศ.2524 ชาวบ้านที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ได้ไปยื่นออกเอกสารกับกรมที่ดิน โดยกรมที่ดินได้ออกนส.3 ก.ให้ 22 ฉบับ และในปี 2529 กรมที่ดินได้ออก น.ส.3 ก.ให้อีก 59 ฉบับ ต่อมาเจ้าของได้รวบรวมที่ดินแล้วนำมาขายให้กับบริษัท ไทยมาเลเซียน จำกัด และต่อมาขายต่อให้กับ บริษัท สากล ปาล์ม ซึ่งบริษัท สากลปาล์ม ได้จำนองให้กับธนาคารกรุงไทย แต่ไม่มีเงินชำระหนี้

ต่อมา ธนาคารได้นำมาประมูลขายทอดตลาด ทางบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จึงทำการประมูลมาในราคา 33.3 ล้านบาท และในวันที่ 26 ต.ค.2546 บริษัทได้จดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวโดยยืนยันว่าเป็นที่ดินใน อ.คีรีรัฐนิคม เป็นกรรมสิทธิ์ที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายจริง
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

สาวสวย Seventeen Ambassador 2008

ฉลองครบรอบ 6 ปี นิตยสาร Seventeen Thailand จัดกิจกรรมครั้งยิ่งใหญ่ “Seventeen 6th Anniversary” นอกจากจะมีศิลปิน นักร้อง นักแสดง มาแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง แจ้งเกิดดาวรุ่งดวงใหม่ สาว Seventeen Ambassador 2008 เป็นตัวแทนของสาวยุคใหม่ที่มีความสวย ฉลาด และมั่นใจ

สำหรับประกวด Seventeen Ambassador 2008 มีคอนเซ็ปต์เฟ้นหาสาวรุ่นใหม่ที่เก่งมี มนุษยสัมพันธ์ บุคลิกดี มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก และสามารถนำเสนอตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยมีสาวสวยให้ความสนใจร่วมสมัครมากว่า 800 คน ซึ่งคณะกรรมการได้คัดเลือกผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพียง 12 คน
บรรยากาศในการประกวด Seventeen Ambassador ปีนี้คึกคักเป็นพิเศษ สมกับวัยทีนโดยเฉพาะ เพราะมีกิจกรรมที่ผู้เข้าประกวดต้องแสดงความสามารถให้คณะกรรมการได้ชม หลายอย่าง เริ่มจาก การเดินแฟชั่นโชว์ ในรอบแรก, การแสดงความสามารถพิเศษ, แฟชั่นโชว์ภายใต้คอนเซ็ปต์ DIY (Do It Yourself) by Maybeline New York โดยให้ทุกคนออกแบบเสื้อผ้าที่ได้รับโจทย์มา แล้วใส่แนวคิดและแรงบันดาลใจของตนเองลงไปว่าอยากนำเสนอออกมาในรูปแบบใด

ผลปรากฏว่า สาวน้อย "Seventeen Ambassador 2008" ตกเป็นของ “ฝน” อาภารัตย์ ศรีวงษ์คล นิสิตสาวปีที่ 3 คณะบัญชี ภาควิชาภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยการตอบคำถามอย่างจากคณะกรรมการที่ว่า รู้สึกอย่างไรกับการถ่ายคลิปวีดีโอ
" ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จึงรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยากให้กำลังใจกับผู้ที่ถูกแอบถ่ายว่า อย่าคิดมากเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย ให้ถือเป็นโชคร้ายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนคนที่แอบถ่ายก็ขอให้หยุดกระทำได้แล้วเพราะถ้าเป็นตนเองโดนกระทำแบบนี้ บ้างจะรู้สึกอย่างไร" สาวฝนตอบคำถามได้ใจคณะกรรมการไปเต็มๆ

ทั้งนี้ เจ้าตัวยังแสดงความสามารถพิเศษบนเวทีด้วยการเดินดรัมเมเยอร์ พร้อมโชว์ไอเดียสุดเก๋ไก๋ด้วยแฟชั่นโชว์ DIY นำกระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้ว มาตกแต่งเป็นกระโปรง เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วยการนำสิ่งของเหลือใช้มาทำให้มีคุณค่าได้ใหม่

ส่วนรางวัล "Maybelline Sassy Girl" สาวผู้มีความเปรี้ยว มั่นใจ ตกเป็นของ “เดือน” พิชญ์สินี สิมะเสถียร สาวน้อยวัย 17 จากรั้วโรงเรียนบดินทรเดชา ด้วยคำถามที่ว่า หากเปรียบ นิตยสารเซเว่นทีน เป็นอาหารไทย น่าจะเหมาะกับอาหารเมนูใด
คำตอบของเธอคือ วุ้นเส้นผัดไทยกุ้งสด เพราะวุ้นเส้น เปรียบได้กับผู้หญิงที่รักสวยรักงาม ส่วนผัดไทย เป็นเมนูที่รวมส่วนประกอบหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน ส่วนกุ้งสด เป็นเครื่องที่ใช้ตกแต่งหน้าตาอาหารให้สวยงามยิ่งขึ้น ก็เหมือนกับเซเว่นทีน ที่มีส่วนผสมหลายอย่างไว้ด้วยกัน ทั้งสาระ บันเทิง ความสวยความงาม ที่น่าสนใจ

รางวัล "Seventeen Coolest" สาวเท่ เก๋ไก๋ ตกเป็นของ “ปาล์ม” ปาลิดา เจริญพันธ์ นักศึกษาปี 3 คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาและวรรณคดีอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยคำถามที่ว่า วัยรุ่นควรจะปรับตัวอย่างไรกับสถานการณ์ที่กำลังวุ่นวายอยู่ในสังคมปัจจุบัน นี้

ปาล์ม ตอบว่า ต้องมีทัศนคติที่กว้าง เปิดใจยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใด เพื่อไม่ให้เกิดการแตกแยก แต่ควรให้ความสนใจในเรื่องการเมืองบ้าง เพราะวัยรุ่นจะเป็นอนาคตของชาติที่จะต้องดูแลประเทศชาติต่อไป จึงควรเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ให้เข้าใจ

รางวัล "Seventeen Photogenic" ขวัญใจช่างภาพและสื่อมวลชน ตกเป็นของ “กู๊ด” ชมเพลิน เอื้อวิวัฒน์สกุล นิสิตชั้นปี 3 คณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยคำถามที่ว่า หากเทรนด์เกาหลี Out ไปแล้ว อยากให้เทรนด์อะไรมาแทนที่ในเมืองไทยต่อไป เพราะอะไร

สาวคนนี้ตอบว่า ต้องการให้เทรนด์แบบไทยๆ เป็นที่นิยมเพราะเมืองไทยมีสิ่งดีๆ เยอะ เช่น รอยยิ้มที่เรียกว่า ยิ้มสยาม ถ้าคนไทยยิ้มให้กันทุกวันก็เหมือนเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก และทำให้ทุกคนมีความสุข
ควงคู่ เพื่อนสาวร่วมคณะอย่าง “โอ๋” ศิริพรรณ ลุนทุม นิสิตสาวคณะเศรษฐศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับตำแหน่ง "Seventeen Charming" สาวผู้มีเสน่ห์จนอดหลงใหลไม่ได้ ด้วยคำถามที่ว่า ถ้ามีอำนาจเปลี่ยนแปลงโลกได้ อยากเปลี่ยนแปลงเรื่องอะไรที่สุด

คำตอบของสาวคนนี้คือ ต้องการเปลี่ยนให้คนไทยมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อลดญหาการแตกแยกทางการเมือง ปัญหาสังคม ปัจจุบันคนไทยต้องการสิ่งเหล่านี้มากเพื่อที่จะนำมาพัฒนาประเทศต่อไป

ท้ายสุดที่ตำแหน่ง "Seventeen most talented" สาวผู้มีความสามารถโดดเด่นที่สุด ตกเป็นของ “จ๋า” ภรภัทรเดชาธีรนิจ นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยคำถามที่ว่า หากเปรียบประเทศไทยเป็นใบหน้า ต้องการให้มีอะไรอยู่บนหน้าบ้าง

น้องจ๋า กล่าวว่า อยากให้มีรอยยิ้มส่งให้กัน เพราะถ้าทุกคนหันหน้าเข้าหากันจะทำให้ทุกคนมีความสุข มองโลกในแง่ดี และทำให้โลกสงบสุขได้

ด้าน แพร กวิตานนท์ บรรณาธิการนิตยสาร Seventeen หนึ่งในคณะกรรมการ กล่าวถึง ตำแหน่งสาว Seventeen Ambassador 2008 ว่า เป็นสาววัยทีนที่มีความมั่นใจ ตรงกับคอนเซ็ปต์ของหนังสือ ซึ่งไม่ต้องการเน้นคนสวย รูปร่างดี เพื่อมาเป็นดาราหรือนางแบบในวงการบันเทิง แต่เป็นคนธรรมดาที่เป็นนักศึกษา หรือชั้นมัธยม หรือคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ที่สะท้อนความคนสมัยใหม่ที่มีความมั่นใจ มีมุมมองที่ดี ไอเดียดี เป็นเพื่อนที่น่ารักในหมู่เพื่อนๆ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่วัยรุ่น

“สำหรับ น้องที่ได้รับตำแหน่งแอมบาสเดอร์ของเรา จะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ หลายอย่างคือ จะได้เป็นตัวแทนของเซเว่นทีน ไปพบกับ แอมบาสเดอร์ของเซเว่นทีนต่างประเทศ และจะได้ร่วมงานกับเซเว่นทีนตลอดปี นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงเชิญชวนให้เพื่อนๆ ชาวเซเว่นทีนมาประกวดในปีหน้า ซึ่งปีต่อๆ ไปเราอาจเปลี่ยนโจทย์ให้ท้าทายมากขึ้น มีลูกเล่นเพิ่มเข้ามา แต่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมไว้ ไม่รู้สึกผิดหวังเลยกับแอมบาสเดอร์ของเราที่ผ่านมาทุกคน เพราะมีเสียงตอบรับจากภายนอกว่า สาวเซเว่นทีน ของเราเป็นคนดีมีคุณภาพ และมีโปรไฟล์ที่ดีมาตลอด”

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

คาสิโอโชว์มือถือ Exilim กล้อง 8 ล้านพิกเซล

เคดีดีไอ (KDDI) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่นโชว์ตัว Exilim W63CA โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดสายพันธุ์ Exilim ชื่อเดียวกับสายพันธุ์กล้องดิจิตอลของคาสิโอ (Casio) เพื่อบ่งบอกว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้มาพร้อมกล้องดิจิตอลของคาสิโอ เน้นการถ่ายภาพสุดคมชัดเหมือนมือถือกล้องตระกูล CyberShot ของโซนี่อิริกสัน

W63CA ถูกมองว่าจะเป็นคู่แข่งของคาเมราโฟนอย่างโซนี่อิริกสัน โดย KDDI ให้ข้อมูลว่ากล้องดิจิตอลในโทรศัพท์มือถือ Exilim มาพร้อมเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 8.1 ล้านพิกเซล โฟกัส 9AF มีระบบตรวจจับใบหน้า หน้าจอโอแอลอีดีใหญ่เต็มตา 3.1 นิ้วเทคโนโลยี WVGA ซึ่งให้ความละเอียดหน้าจอที่ 800x480 พิกเซล ตัวเครื่องบางเฉียบ 17.4 มิลลิเมตร น้ำหนัก 124 กรัม รองรับเทคโนโลยี 3G เล่นไฟล์วีดีโอบนยูทูบ (YouTube) ได้
ที่ น่าสนใจคือคาสิโอส่งรายละเอียดโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ให้คณะกรรมการกำกับดูแล ด้านการสื่อสารของสหรัฐฯหรือ FCC ตรวจสอบ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้สามารถจำหน่ายในตลาดสหรัฐฯแล้วเมื่อปลายเดือน สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายมองว่าโทรศัพท์จากญี่ปุ่นรุ่นนี้อาจจะเริ่มทำตลาดนอกประเทศ อย่างจริงจัง รวมถึงการเน้นพัฒนาบริการใช้งานในต่างประเทศของชาวญี่ปุ่นให้ดีเยี่ยมยิ่ง ขึ้น

KDDI ให้ข้อมูลว่ากำไรของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2008 นั้นเพิ่มขึ้นราว 3.7 เปอร์เซ็นต์ เพราะผลจากธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือซึ่งช่วยเยียวยาการขาดทุนในธุรกิจ โทรศัพท์ fixed-line (โทรศัพท์พื้นฐาน) ได้ดี โดยกำไรสุทธิตลอด 6 เดือน (เมษายนถึงกันยายน) KDDI ทำได้ 151,100 ล้านเยน (ราว 55,550 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 145,700 ล้านเยนในปีก่อนหน้า

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

น้องหมา ฮา...เฮ...รับ ฮัลโลวีน

ใกล้เทศกาล "ฮัลโลวีน" เข้ามาทุกที บรรยากาศแห่งการ ทริก ออล ทรีท ดูจะคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น หนุ่มสาวพากันรังสรรค์แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นผีออกมาหลอกหลอนชาวเมืองกัน อย่างสนุกสนาน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตูบที่ถูกเจ้านายสุดเลิฟจับมาแต่งแฟนซีสร้างสีสันวันปล่อย ผีก่อนใคร

ในงาน "ทอมป์สกินส์ สแควร์ ฮัลโลวีน ด๊อก พาเหรด" ซึ่งปีนี้จัดเป็นปีที่ 18 แล้ว และถือว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีของนิวยอร์กก็ว่าได้

ว่าแต่พอนึกถึง ฮัลโลวีน ปุ๊บ ทุกคนก็ต้องคิดถึงภูตผีปีศาจ ที่พากันออกมาอาละวาดปั๊บ แต่สำหรับพาเหรดเจ้าตูบรับฮัลโลวีนนี้ ไม่ได้มีความน่ากลัวเลยสักกะติ๊ด กลับมีแต่ความน่ารักน่าหยิกซะเหลือเกิน

ยิ่งปีนี้เจ้าของสุนัขดูจะสนุกกับการจับเจ้าตูบแต่งตัวเอามั่กๆ เพราะแต่ละคนดูจะบรรเจิดไอเดียสุดเก๋ ยิ่งเจ้าของงานไม่มีคอนเซปต์ให้ด้วยแล้ว ก็มันกันเต็มที่ ดูจาก เจ้าปิแอร์ สุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก ที่ถูกจับแต่งตัวตามแบบคนแจวเรือกอนโดลาในเมืองเวนิส ส่วน เจ้าริคโก พันธุ์ชิวาวาขนยาว ก็ถูกแต่งให้เป็นช่างประปา ซึ่งเสื้อผ้าของเจ้าตูบดูจะเลียนแบบช่างประปาได้เหมือนเป๊ะ โดยเฉพาะเจ้ากางเกงยีนหลุดตู๊ดนั่นน่ะ

ส่วน เจ้าชิวาวา บักซี่ ที่นั่งอยู่ในตะกร้าหวาย ก็ถูก นิโคล เคนท์ เจ้านายนำคอนเซปต์หนูน้อยหมวกแดง มาแต่งให้เจ้าหมาน้อย แต่แทนแต่งให้เป็นหมาป่าในเทพนิยายแทนซะงั้น ดูยังไง้ยังไงก็ไม่น่ากลัวสักกะติ๊ด แล้วใช่ว่าจะมีแต่น้องหมาที่แต่งตัวเลียนแบบมนุษย์เท่านั้นนะ เจ้านายบางคนก็แปลงร่างเจ้าตูบให้เป็นสรรพสัตว์นานาชนิด อาทิ นกยูง งูยักษ์อนาคอนดา กวางเรนเดีย นกฟลามิงโก้ ฯลฯ แต่ละตัวก็เลียนแบบท่าทางของสัตว์เหล่านั้นได้น่ารักเหลือร้าย บางตัวก็ถูกเจ้านายจับพ่นสีซะเขียวอี๋ ไม่พอยังออกแบบชุดให้เป็นถังขยะอีกต่างหาก ทำร้ายกันเข้าปาย...

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเมืองควีนส์ ก็แต่งตัวเจ้าเดลีให้เป็นซานตาคลอสซะ เรียกว่านำซานต้าผู้ใจดีมาปราบผีน้อยแสนซนทั้งหลายกันเลยทีเดียว เมืองบร็องซ์ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ฉุดเจ้าแบนดิทมาแต่งเป็นมาเฟียประจำโต๊ะโป๊กเกอร์ ซ่าอย่างนี้มีรึที่เพื่อนสุนัขจะไม่มาร่วมวง
ที่มา คมชัดลึก

พระราชทานน้ำสังข์ ให้คู่รักจอมพลัง น้องอรสู้โว้ย21 พ.ย.


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีสมรสพระราชทานน้ำสังข์ ให้คู่รักจอมพลัง "น้องอรสู้โว้ย" ร.ท.หญิง อุดมพร พลศักดิ์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2004 และ "เจ้าตี๋" ชัยรัตน์ ล้อประกานต์สิทธิ์ เจ้าบ่าว ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ 21 พ.ย.นี้ "น้องอร" เผยสุดปลาบปลื้ม

ขณะที่พิธีหมั้น ถือฤกษ์งามยามดีแห่ขันหมาก เวลา 09.29 น. วันที่ 9 พ.ย. ก่อนเชิญแขกร่วมรำวงย้อนยุค

ความคืบหน้าการเตรียมจัดงานแต่งงานของคู่รักจอมพลัง "น้องอร สู้โว้ย" ร.ท.หญิง อุดมพร พลศักดิ์ อดีตนักยกน้ำหนักทีมชาติไทย เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ปี ค.ศ.2004 กับ "เจ้าตี๋" นายชัยรัตน์ ล้อประกานต์สิทธิ์ อดีตนักยกน้ำหนักทีมชาติไทย ที่คบหาดูใจกันมานาน ล่าสุด ทั้งคู่ได้รับหนังสือจาก กองงานในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แจ้งว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีสมรสพระราชทาน "น้ำสังข์ข้างที่" ให้กับ ร.ท.หญิง อุดมพร และ นายชัยรัตน์ ในวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายนนี้ เวลา 15.00 น. ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน โดย "น้องอร" กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก ตนและนายชัยรัตน์ รวมทั้งครอบครัว รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก

น้องอร ที่ปัจจุบันเป็นพลทหารบำรุงความรู้ กองยุทธการมณฑลทหารบกที่ 21 จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ก่อนเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์ จะมีพิธีหมั้น ในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน ณ บ้านเลขที่ 218 ชุมชนมหาชัยอุดมพร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านพักของตน โดยได้รับเกียรติจาก พล.ต.พจน์ เหรียญมณี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 (มทบ.21) เป็นประธานในพิธี สำหรับช่วงเช้าจะจัดงานแบบเรียบง่าย มีพิธีสงฆ์ เวลา 06.00 น. จากนั้น เวลา 09.29 น. มีแห่ขันหมากตามประเพณีไทย ส่วนช่วงบ่ายจะมีงานเลี้ยง มีรำวงย้อนยุคสร้างความครื้นเครงให้กับแขกและญาติของทั้งสองฝ่าย

"งานหมั้นคงไม่มีอะไรมาก เน้นความเรียบง่าย อรอยากให้งานออกมาสนุกๆ และกันเอง มากกว่าจะต้องมีพิธีรีตองมากมาย ตอนนี้ อรเตรียมเข้าคอร์ส ขัดหน้าขัดตัว เตรียมพร้อมเป็นเจ้าสาวเต็มที่ ที่สำคัญรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเหมือนว่าเราจะต้องมีอีกหน้าที่หนึ่งให้รับผิดชอบ คือการเป็นภรรยาที่ดี ส่วนเรื่องสินสอดทองหมั้น แล้วแต่ทางเจ้าบ่าวจะจัดมา" น้องอร กล่าว

อดีตจอมพลังสาวเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งเป็นเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของไทยที่ได้จากนักกีฬาหญิง กล่าวต่อว่า หลังจากเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์แล้ว จะหาฤกษ์วันแต่งงาน คาดว่าจะจัดประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน หรือไม่ก็ต้นเดือนธันวาคม และหลังแต่งงานแล้ว จะย้ายไปอยู่เรือนหอ ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ ที่แฟนหนุ่มได้ซื้อไว้และได้ยกให้ตนเป็นเจ้าของ สำหรับเรื่องอนาคต จะรับราชการทหารต่อไป พร้อมดูแลธุรกิจส่วนตัวกับแฟนหนุ่มเหมือนเดิม ส่วนเรื่องทายาท จะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะตอนนี้กำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโท ที่นิด้า อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา แต่หากมีบุตรเร็วก็ถือเป็นความโชคดีของครอบครัว
ที่มา คมชัดลึก

แค้นสาวม.6 สลัดรัก จุดไฟเผา -รอดตายปาฏิหาริย์

หนุ่มก่อสร้างหึงโหดถูกสาวม.6 ตัดสัมพันธ์บอกเลิก มาดักรอสบช่อง ถีบจักรยานยนต์ล้ม ก่อนราดน้ำมันเบนซิน-จุดไฟเผา เหยื่อวิ่งลงน้ำ ตามบีบคอหวังให้ตาย แต่โชคดีมีชาวบ้านมาประสบช่วยได้ทัน

(29ต. ค.) ร.ต.ท.นคร สายอุด ร้อยเวร สภ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร รับแจ้งจากนายเนียง (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143/1 หมู่ที่ 14 บ้านหนองสะแก ต.เนินสว่าง อ.โพธิ์ทับช้าง จ.พิจิตร ว่า นางสาวน้ำ(นามสมมุติ) อายุ 17 ปี บุตรสาวนักเรียน ชั้นม. 6 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอ.เมืองพิจิตร ถูกนายสุรศักดิ์ พูนแย้ม อายุ 24 ปี จุดไฟเผาได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนรักษาตัวอยู่ห้องพิเศษ 304 ตึกเฉลิมพระเกียรติ ที่โรงพยาบาลพิจิตร เหตุเกิดที่เขตรอยต่อระหว่าง ต.เนินสว่าง กับต.ดงเสือเหลือง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา

หลังจากตำรวจ สภ.โพธิ์ประทับช้าง ได้รับแจ้งจึงได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลพิจิตร พบว่าน.ส.น้ำ ถูกไฟเผาใบหน้าบวมพอง สภาพจำไม่ได้ใบหน้าเสียโฉมทั้งหน้า นอกจากนี้บริเวณหน้าอก ลำตัวถูกไฟเผา จนเป็นแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อจับกุมตัวนายสุรศักดิ์ พูนแย้ม มาดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบสวนนายเนียง พ่อของนางสาวน้ำ ให้การว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ในช่วงบ่ายบุตรสาวขออนุญาตไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หน้า อ.โพธิ์ประทับช้าง เพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียน ขณะขี่จักยานยนต์ไปกับญาติและน้องพี อายุ 2 ขวบหลานสาวอยู่นั้น ได้มีนายสุรศักดิ์ คนต่างหมู่บ้าน มาแอบชอบบุตรสาวของตนและมาขอแต่งงานแต่ลูกสาวไม่เอาด้วย เพราะยังเรียนไม่จบ ม.6 ได้มาพยายามมาเอารถมาดักหน้าดักหลัง เพื่อให้น.ส.กนกวรรณจอดรถและชักชวนให้หนีไปอยู่ด้วยกัน ทั้งนี้นางสาวน้ำไม่ยอมจึงขับหนีเพื่อจะกลับบ้าน

จากนั้นนายสุรศักดิ์ ได้ขี่รถตามมาจนถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวได้ใช้เท้าถีบรถของนางสาวน้ำจนล้มลง และใช้น้ำมันบินซินราดไปที่ลำตัวและใบหน้า ก่อนจุดไฟเผาบุตรสาวของตนเอง แต่มีคนผ่านมาพอดี นายสุรศักดิ์จึงหลบหนีไป จากนั้นนางสาวน้ำร้องให้ชาวบ้านที่ผ่านมาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลพิจิตร

นางสาวน้ำ เปิดเผยว่า นายสุรศักดิ์มีอาชีพรับจ้างก่อสร้างและได้คบหามาประมาณ 1 ปีเศษ โดยนายสุรศักดิ์พยายามชักชวนให้หนีไปอยู่ด้วย แต่ตนไม่ยอม เนื่องจากต้องการเรียนต่อ และบอกเลิก จึงให้นายสุรศักดิ์โกรธมากและพยายามมาง้อขอคืนดีตลอดและพยามชวนให้ไปอยู่ ด้วยอีก ตนก็ไม่ยอม

กระทั่งวันเกิดเหตุนายสุรศักดิ์ จึงได้ขับรถมาดักรอ และได้ถีบรถจนล้ม และนำน้ำมันเบนซินที่เตรียมมาสาดใส่พร้อมทั้งจุดไฟ ตนร้อนจึงวิ่งหนีลงบ่อน้ำที่อยู่ใกล้ๆนายสุรศักดิ์ ก็ตามมากดคอซ้ำอีก แต่ชาวบ้านที่มาประสบเหตุมาช่วยไว้ได้เสียก่อน

นางนอม แม่ของนางสาวน้ำ เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่เห็นหน้าลูกถึงเป็นลม เพราะจำเค้าหน้าเดิมไม่ได้ มีแผลทั้งตัว นายสุรศักดิ์เคยมาขอลูกสาวที่บ้านครั้งหนึ่ง และบอกว่าจะให้แม่มาสู่ขอ แต่บอกว่าขอให้ลูกเรียนให้จบก่อน หลังจากนั้นลูกก็มาบอกว่านายสุรศักดิ์ชวนหนีไปอยุ่ด้วย แต่ลูกสาวไม่ยอม จนมาเกิดเหตุ และอยากเรียกร้องให้ตำรวจเร่งจับนายสุรศักดิ์ มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะหากจับไม่ได้ ลูกสาวและครอบครัวก็อาจไม่ปลอดภัย

ต่อมาวันเดียวกันนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจนางสาวน้ำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวนหนึ่ง อีกทั้งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปช่วยเหลื่อโดยด่วนและกำชับ ให้ตำรวจเร่งจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะถือว่าเป็นการมุ่งหวังเอาชีวิต

ด้านดร.สุรเสน ทั่งทอง ผ.อ.เขตการศึกษาพิจิตร เขต 1 กล่าวว่า ได้รับรายงานจากอาจารย์ประจำวิชาว่านางสาวน้ำเป็นนักเรียนที่เรียนดีมาก ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการเรียนเพราะมีการเรียนซ่อม เสริมได้ และได้สั่งการให้ครูมาจัดการเรื่องนี้ส่วนเรื่องสวัสดิการที่จะช่วยเหลือ เด็กก็มีกองทุนจำนวนหนึ่งที่จะช่วยเหลือเด็กอยู่แล้ว ส่วนระยะต่อไปเด็กอาการไม่ดีหรือต้องใช้เงินมากขึ้นก็จะหาทางช่วยต่อไป และต้องเตรียมหาทางแก้ไขในเรื่องนี้ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำขึ้นมาอีก ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดซ้ำขึ้นมาในพื้นที่อื่นๆซึ่งต้องมีการพูดจา กันต่อไป

ด้าน พ.ต.อ. ไชยสิทธิ์ ทรัพย์สิน ผกก.สภ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร กล่าว่า หลังจากได้รับแจ้งตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจในการจับคนร้ายรายนี้เพราะถือว่าเป็น คดีสะเทือนขวัญนายสุรศักดิ์ มุ่งที่จะพยายามฆ่านางสาวน้ำ โดยไตร่ตองไว้ก่อนแล้ว หลังจากที่นายสุรศักดิ์ก่อเหตุแล้วได้หลบหนี ขณะนี้เจ้าหน้ารู้แล้วว่าไปกบดานอยู่ไหน ซึ่งไม่สามารถบอกได้กลัวจะเสียรูปคดี และมั่นใจว่าจับคนร้ายนได้ในเร็วๆนี้

ที่มา คมชัดลึก

Tuesday, October 28, 2008

กบ เสาวนิตย์ นักร้องหญิงไทยเบอร์ 1 ของ จิม บริคแมน

"กบ เสาวนิตย์ นวพันธ์" เจ้าของเสียงหวานๆ ที่นอกจะเคยทำให้แฟนเพลงเคลิ้มไปกับเพลงคู่สุดดังอย่าง "หากันจนเจอ" แล้ว ความสามารถในการร้องเพลงสากลของเธอก็ถือว่าอยู่ในระดับชั้นนำของนักร้องหญิง ในบ้านเรายุคนี้ ซึ่งล่าสุดเธอได้รับเลือกจากศิลปินระดับโลกอย่าง "จิม บริคแมน" ให้มาเป็นนักร้องนำในการมาเปิดการแสดงครั้งล่าสุดในเมืองไทยของเขา ในงานแสดงการกุศล A Moment of Grace with JIM BRICKMAN ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่นักร้องสาวไทยผู้นี้ได้ร่วมงานกับเจ้าชายแห่งความโรแมนติกอย่างบริ คแมน

1.คุณกบมารู้จักกับจิมได้ไง

- รู้จักมาเมื่อประมาณเก้าปีที่แล้ว ตอนที่เขามาเปิดการแสดงครั้งแรกที่เมืองไทย ตอนนั้นมีนักร้องไปร่วมแสดงกับเขามากมาย พี่ที่จัดออร์แกนไนซ์ก็เสนอชื่อเราให้กับเขาแล้วเขาก็เลือก ก็เลยได้ร่วมงานกันครั้งแรก ส่วนครั้งที่สองนี่เป็นงานภายในของโตโยต้า ไม่แน่ใจว่าเขามาเมืองไทยกี่ครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สามแล้วที่ได้ทำร่วมร่วมกับเขา

2. คุณกบเลยกลายเป็นนักร้องสาวไทยเบอร์หนึ่งของจิมไปเลย

- ก็ดีค่ะ(หัวเราะ)

3.ได้ข่าวมาว่าคุณกบร่วมงานกับศิลปินมากแล้วมากมาย กับจิมนี่ร่วมงานกับเขาเป็นอย่างไรบ้าง แตกต่างจากคนอื่นไหม

- เขาจะเป็นคนสบายๆ เขาจะเป็นคนที่คอยซับพอร์ตให้การแสดงของเราออกมาได้อย่างเต็มที่ ครั้งแรกตอนที่ร่วมงานกับเขาก็กังวลมาก เพราะกลัวว่าจะทำเพลงเขาเสีย แต่เขาบอกเลยว่าถ้าเพลงไหนคุณร้องไม่สะดวกเขายินดีที่จะเปลี่ยนคีย์ให้ เดี๋ยวนั้นเลย เป็นนักดนตรีที่น่ารักมาก เป็นคนที่เข้าใจธรรมชาติของนักร้อง เวลาเขาเล่นแล้วร้องง่ายด้วย ง่ายกว่าที่คิดเยอะเลย

4. แล้วชีวิตส่วนตัวเวลาอยู่หลังเวทีของเขาเป็นคนยังไง

- เขาก็เป็นคนที่อัธยาศัยดี แต่จริงๆ ไม่ค่อยมีเวลาได้คุยกันมากเท่าไหร่ เขาจะมีงานของเขาอยู่ตลอด เสร็จงานนี้ก็ต้องไปเปิดการแสดงที่อื่นต่อแล้ว เลยไม่ได้มีเวลามาปาร์ตี้กันมากเท่าไหร่

5. สไตล์การร้องของคุณกบกับแนวเพลงของจิมต้องมีการปรับตัวมากน้อยแค่ไหน

- จริงๆ สไตล์ของกบกับเพลงของจิมนี่ใกล้กันอยู่แล้ว ไม่ต้องปรับอะไรมาก

6. คุณกบมีนักร้องคนไหนเป็นแรงบัลดาลใจบ้าง

- มีเยอะมากเลย บางที่มันขึ้นอยู่กับเพลงนั้นๆ เพลงนี้ของแต่ละคนก็ให้แรงบัลดาลใจที่แตกต่างกันออกไป ที่ชอบมากๆ ก็คือ แพ็ตตี้ ออสติน เขาร้องได้เยี่ยมหลายแนวตั้งแต่แจ๊สยันอาร์แอนด์บี เสียงเขาจะแน่นๆ สะใจดี อีกคนก็ โอเลตา อดัมส์

7. จิมนี่แต่เดิมเขาเปิดตัวในฐานะศิลปินนิวเอจ แต่หลังๆ เริ่มโอนเอนไปทาง adult contemporary

- จริงๆ จิมเขาเป็นเปียนิสต์น่ะค่ะ แต่เริ่มเพลงของจะออกบรรเลงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งดนตรีโดยรวมของเขาจะหลากหลายมากๆ เคยทำเพลงสำหรับร้องในโบสถ์ด้วย พวกเพลงคริสต์มาสก็ทำมาแล้ว

8. เสน่ห์ในดนตรีของเขาคืออะไร

- ความโรแมนติกเลยค่ะ เพลงเขาทำให้บรรยากาศรอบตัวโรแมนติก เป็นความรู้ในการฟังเพลงที่อบอุ่น ที่ไม่มีอารมณ์เศร้ามาเจือปน แบบรักคดอกหักอะไรอย่างเงี้ยจะไม่มี ฟังแล้วรู้สึกสบาย บางทีไม่จำเป็นต้องต้องรู้เนื้อเพลงก็รู้สึกดีได้ ให้แง่คิดในมุมบวกตลอดเวลา

9. รู้มาว่าศิลปินไทยที่คุณกบชอบร่วมงานด้วยมากที่สุดคืออัสนีย์-วสันต์

- ใช่ค่ะ ชอบเพราะซ้อมเยอะดี กับคนอื่นนี่ประมาณว่าเล่นได้เลย แต่นี่ประมาณว่าต้องขอซ้อมหน่อย ขนาดเป็นคอรัสเฉยๆ นี่ต้องซ้อมเป็นเดือนเลยค่ะ เพราะว่าพวกพี่เขาต้องการให้ทุกอยากออกมาสบาย ไม่ต้องเครียด เพราะเวลาแสดงจริงไม่ได้เล่นในฮอลแต่เล่นกลางแจ้งซึ่งร้อนมากๆ และเหนื่อยมากๆ ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องร้องอะไรมากแต่ต้องเต้นเยอะ (หัวเราะ) เหมือนกับแอโรบิกตลอดเวลาสองชั่วโมง ที่ต้องร้องต้องอะไรด้วยซึ่งก็หนักเหมือนกันค่ะ เพราะครั้งนั้นพี่ๆ เขาก็หยุดเล่นมานานแล้วด้วย เราเลยต้องซ้อมกันล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เลย แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกดีค่ะ

10. ทราบว่าคุณกบนี่เป็นศิษย์รุ่นน้องของ dream theater ช่วยเล่าประสบการณ์ในการไปเรียนที่สถาบัน Berklee ให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าที่นั่นมีการแข่งขันกันสูงแค่ไหน

- แข่งขันไหม รู้สึกเหมือนว่าช่วยๆ กันเล่นช่วยๆ กันเรียนมากกว่า เพราะว่าที่นั่นก็มีคนเก่งๆ อยู่กันเยอะอยู่แล้ว อย่างพวกนั้นเขาทักษะดีอยู่แล้วก็จะเข้ามาเรียนรู้ทฤษฏีที่ถูกต้องกันที่ นั้น แต่กบนี่ไปเรียนรู้ทุกอย่างที่นั่นเลย (หัวเราะ) เพราะตอนที่กบไปเรียนตอนนั้นบ้านเรายังถนัดสอนแต่แนวคลาสสิก แต่แนวทั่วๆ ไปอย่างป็อป ร็อค แจ๊ส อาร์แอนด์บี นี่ยังไม่เข้มข้นเท่าไหร่

ตอนนั้นก็มีคนไทยเรียนอยู่ที่นั่นพอสมควร ที่กลับมาทำงานตอนนี้ก็มีทั้ง ก้อ ณฐพล ศรีจอมขวัญ มือเบสวง Groove Rider แล้วก็ บอล กันต์ รุจิณรงค์ มือกีตาร์ กับ จ้า ทรรศน์ฤกษ์ ลิ่มศิลา มือกลองวง อพาร์ตเมนต์คุณป้า

11.รู้มาว่าสมัยเรียนร้องเพลงครั้งแรกตอนมัธยมเกือบจะทำให้คุณกบเลิกเรียนร้องเพลงมาแล้ว ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น

- ตอนนั้นคุณพ่อพาไปเรียนกับครูชาวฟิลิปปินส์ เขาพูดภาษาอังกฤษฟังไม่รู้เรื่อง แล้วสอนแบบโหดมาก สั่งให้หายใจอย่างโน่นอย่างนี้ ทำให้บรรยากาศการเรียนไม่สนุก

12. แล้วตอนนี้คุณกบกลายเป็นนักร้องอาชีพและกลายเป็นครูสอนร้องเพลงแล้ว ได้เอาประสบการณ์ตรงนั้นมาปรับเปลี่ยนกับคลาสของตัวเองอย่างไรบ้าง

- โรงเรียนที่กบเปิดคือ PRIVATE STUDIO ซึ่งกบจะไม่เลือกสอนว่าเด็กเก่งไม่เก่ง ยกเว้นแต่จะเลือกสอนกับคนที่มีเวลาให้กับเราเท่านั้น อันนี้จะเข้าใจกันง่ายกว่า คนที่มาเรียนกับกบไม่จำเป็นต้องเก่งมาก่อน ร้องไม่เป็นเลยยิ่งดีสอนง่าย ยิ่งโตยิ่งดี ถ้าเป็นเด็กเล็กนี่จะลำบาก เพราะเราไม่ได้สอนแต่การร้องอย่างเดียวคนเรียนต้องมีการปูพื้นทักษะทางดนตรี ด้วย

ประเภทที่ทำใจลำบากคือพวกที่มาพร้อมกับคำถามว่า "เนี่ยเมื่อไหร่จะได้ออกเทป จะส่งหรือเปล่า" อันนี้บอกได้เลยว่าไม่ส่ง มาเรียนกับเราคือต้องมาเรียนเอาความรู้ไม่ได้เรียนเพื่อจะมาออกเทป เราไม่มีนโยบายดันเด็ก เขาต้องไต่เต้าด้วยตัวเอง ที่เจอแล้วไม่ชอบก็คือนักเรียนที่มีทัศนคติประมาณว่า "ทำไมต้องร้องกับเปียโน ร้องกับแบ็คกิ้งแทร็คก็ได้ ทำไมต้องอ่านโน้ต ดูเนื้อก็ร้องได้แล้ว" ซึ่งนักร้องที่ดีก็ต้องมีพื้นฐานทางด้านดนตรีที่ดีด้วย


13. ตอนนี้ชีวิตคู่ของคุณกบเป็นอย่างไรบ้าง


- ดีค่ะ กบแต่งงานเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้บอกสื่อเพราะต้องการให้เป็นงานเล็กๆ ทุกวันนี้ก็ยังอยู่กับสามีที่เมืองไทย แต่เรื่องลูกคงต้องรออีกยาว ไม่กล้ามีเพราะกลัวมันดื้อ (หัวเราะ) เพราะกบเป็นคนที่ดื้อมาก สามีก็ใช่ย่อย แล้วกลัวว่ามันจะส่งผ่านไปทางยีนแล้วลูกจะกลับมาดื้อกับเรา นี่ก็ปวดหัวเหมือนกัน เรื่องลูกจริงๆ ก็อยากมี แต่คงต้องรอให้หลายๆ อย่างพร้อมกว่านี้ด้วย พอทุกอย่างลงตัวกว่านี้ เราจะได้เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข ลูกเราจะได้แฮปปี้ด้วย


14.งานเพลงในอนาคตของคุณกบมีแผนอะไรบ้าง


- จริงๆ ตอนนี้ก็ทำอยู่ แต่ยังไม่ลงตัว ก็ตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าอะไรมันยังไม่ลงตัวก็จะยังไม่ออกดีกว่า เราต้องทำแล้วสนุกด้วย ทำออกมาแล้วถ้ามันไม่ใช่ แล้วต้องไปร้องอะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่เราหวังก็ไม่ดี


15. อย่างนี้แฟนเพลงรอแย่เลย


- ก็มาเจอกับกบในงานคอนเสิร์ตได้ค่ะ อย่างงานของจิมที่จะถึงก็จะแสดงออกมาให้ดีที่สุดค่ะ

A Moment of Grace with JIM BRICKMAN จะจัดขึ้น ณ M Theatre (โรงละครกรุงเทพเดิม) ในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2008 (สองรอบ) เวลา 17.00 น. และ 20.00 น. ราคาบัตร 2,000 และ 3,000 บาท

หาซื้อบัตรได้ที่ Total Reservation Outlet หรือ ทาง www.totalreservation.com และ HYPERLINK http://www.totalreservation.mobi โทรสอบถามที่ Total Call Center : 02-833-5555


ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

คลิปนุ่น นุ่งทูพีซขี่คอ ต๊อด เล่นน้ำหลุด

"นุ่น" เผยไม่รู้ "ต๊อด" ตามกว้านซื้อคลิปหลุดสวมทูพีซขี่คอแฟนหนุ่มในสระว่ายน้ำ บอกไม่กังวลคลิประบาด ฟุ้งเรื่องปกติเล่นตามประสาวัยรุ่น รับสังคมเทคโนโลยีควบคุมยาก ลั่นทายาทเบียร์สิงห์ตามใจซื้อกระเป๋าใบละแสนของขวัญเบิร์ดเดย์

ถูกลือว่าแฟนหนุ่มทายาทฟองเบียร์ "ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี" กำลังกว้านซื้อซีดีคลิปหลุดของตัวเองและแฟนสาวขณะที่นางเอกสาว "นุ่น วรนุช วงษ์สวรรค์" สวมทูพีซขี่คอหนุ่ม "ต๊อด" ในสระว่ายน้ำร่วมกับเพื่อนดาราอาทิ "หนิง ปณิตา" และ "บิ๊ก-ศรุต" ที่มีความยาว 5 นาทีที่กำลังเตรียมปล่อยในตลาดซีดีเถื่อน เรื่องจริงเป็นเช่นไร เรื่องนี้สาว "นุ่น" ทำหน้าเหวอเล็กน้อยก่อนเผยไม่รู้เรื่องดังกล่าวแต่ยอมรับว่าเล่นน้ำกับแฟน หนุ่มจริง

"ไม่ทราบค่ะอันนี้โนไอเดียเลย ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ต๊อดกว้านซื้อไม่ให้หลุด ไม่รู้สิ ไม่รู้เลยก็เพิ่งได้ยินมา ไม่ได้หวั่นว่าจะหลุดถ้าถามนุ่นในความสัมพันธ์กับต๊อดไม่ได้โกหกพี่ๆ เราเรียนรู้กันเราคบกันมันศึกษากันเป็นเรื่องปกติ อย่างรูปที่ถ่ายในฝรั่งเศสเราก็ไม่รู้ว่าจะหลุดทางไหนอะไรยังไง เราไม่ได้คิดร้ายกับใครและเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ทำตัวให้แย่หรือไม่ทำอะไร ที่ไม่ดีจนทำให้เป็นกังวลขนาดนั้น"
ยันเรื่องปกติสวมชุดว่ายน้ำเล่นกับแฟนหนุ่ม

"โอ้ย...นุ่นว่าไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน เล่นกันเยอะแยะเลยในสระอย่าไปมองอย่างนั้นดีกว่า นุ่นถามว่าเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ นุ่นก็ไม่เคยปิดบัง ทุกคนไปมีการถ่ายรูปเล่นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วและไม่ได้เป็นอะไรที่น่า เกลียด คนอาจจะเข้าใจผิดด้วยโน่นนี่ ด้วยคำว่าคลิปมันก็จะรู้สึกว่าดูแรงแต่จริงๆ ไปเที่ยวปกติ"


บอกไม่กังวลหากคลิปหลุดถูกแพร่กระจาย


"ไม่ มันไม่มีอะไร ถามว่าต้องระมัดระวังตัวไหม สังคมเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันเยอะขึ้นมันก็เป็นปกติกับการเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวงการดาราหรือธุรกิจอื่นๆ ได้หมดคงต้องระวังทุกๆ อย่างก็คงต้องมีบ้างเวลาเล่น hi 5 ถามว่าไปว่ายน้ำกับเพื่อนๆ ก็มีถ่ายชุดว่ายน้ำถ่ายเล่นกับเพื่อนเหมือนวัยรุ่นทุกๆ คนเหมือนเด็กๆ ทุกคน ไม่รู้สิบางทีมันอาจเกินกว่าที่เราควบคุมได้ บางทีมันก็ไม่มีอะไรค่ะ"

จากนั้นผู้สื่อข่าวกระแซะถามถึงแฟนหนุ่มซึ่งทุ่มทุนซื้อกระเป๋าใบหรู ราคากว่าแสนบาทให้เป็นของขวัญวันเกิด ...."ก็อยากได้อยู่แล้วแต่ให้เป็นของขวัญวันเกิดก็ไปด้วยกันเนี่ยแหละก็อยาก ได้อยู่แล้วเพราะเขานึกอะไรไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้ มันก็คุ้มค่ากับของที่ได้มาค่ะ" นางเอกสาวยิ้มหวาน

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

แพม ควงสามียันซูเปอร์สตาร์ไม่ล็อคแชมป์ จวกอยากดัง

"แพม" ควงสามี โต้กลับอดีตโชว์ไดเร็คเตอร์ ยันรายการโปร่งใสไม่มีการล็อค ผู้ชนะ เชิญอีกฝ่ายแฉได้เลยถ้าอยากดัง บอกเคยรักกันดี ไม่มีบาดหมาง แต่กลับทำให้รายการเสียหาย ทิ้งท้ายไม่หวั่นโดนฟ้องกลับ ลั่นกลัวอีกฝ่ายสร้างหลักฐานเท็จ

จบไม่สวยซะแล้ว สำหรับรายการ "ซูเปอร์สตาร์...ที่สุดแห่งดาว" แม้ว่ารายการจะจบไปแล้วแต่ดูเหมือนเจ้าของรายการและอดีตทีมงานเพิ่งเปิดศึก อย่างเป็นทางการใส่กันอีกรอบ หลังจากที่ฝ่ายเจ้าของรายการอย่าง"แพม ลลิตา ตะเวทิกุล" และ สามี "เจ ภาณุพงษ์ วรเศรษฐการกิจ" ออกแถลงข่าวจะฟ้องร้องอดีตทีมงาน 50 ล้านบาท มาวันนี้ (29ต.ค.) ทางฝ่ายนายเอส อนุสิทธิ์ อดีตโชว์ไดเร็คเตอร์รายการจะแถลงข่าวฟ้องกลับ แถมแฉรายการไม่โปร่งใส ล็อคผู้ชนะไว้แล้วอีกด้วย

ร้อนถึงทางแพม กับสามีต้องออกโรงโต้อีกรอบ ในงานประกาศรางวัล "โอเค อวอร์ด" ของนิตยสารโอเค แถมโชว์หลักฐานยืนยันอีกฝ่ายให้สัมภาษณ์จนฝ่ายตนเองเสียหายในนิตยสาร ยืนยันว่าทางรายการไม่เคยล็อคผู้ชนะ อีกทั้งกรรมการที่ตัดสินล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
ส่วนกรณีอดีตโชว์ไดเร็กเตอร์ของรายการ จะออกมาฟ้อง ฐานทำให้เสียชื่อเสียงบอก ไม่กลัวถ้ามีหลักฐานคงเป็นหลักฐานเท็จ และถ้ายังไม่หยุดจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ก่อนยันแม้คะแนนของ "ฟลุค เกริกพล" และ "กอฟ อัครา" เท่ากัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าล็อคเอาไว้แล้ว

"เราต้องอธิบายก่อนว่าผลโหวตที่เท่ากันเนี่ย คือเราต้องบอกจุดประสงค์ของรายการเราก่อนว่าเราต้องการเฟ้นหาผู้ชนะที่มี ทั้งความสามารถและความนิยมของประชาชน 50-50เสมอคือตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เราแข่งมาเนี่ยเรามีคณะกรรมการมาตัดสิน ก่อนว่าใครจะเข้ารอบด้วยความสามารถล้วนๆเลย แล้วในด้านผลโหวตก็คือดูว่าใครจะออก ในรอบสุดท้ายคือเราเชื่อมั่นในซูเปอร์สตาร์ทุกคนที่เข้ารอบสุดท้ายถือว่าสุด ยอดแล้วทั้งความสามารถและคะแนนนิยม"


"ทีนี้ในการตัดสิน คือต้องมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว แต่ว่าอีกสามท่านเนี่ย ก็เป็นที่สองร่วมกันเพราะเราถือว่าผู้ที่เข้ารอบมาถึงรอบนี้ก็ถือว่าความ สามารถเยี่ยมแล้วเกณฑ์ในการตัดสินรอบชิงชนะเลิศเนี่ยเราเอาคะแนนมาจาก2 ส่วนคือ หนึ่งเอามาจากคณะกรรมการที่เรานำมาก็ทรงคุณวุฒิในวงการทั้งสิ้น คือทุกๆท่านทั้ง19 คนเนี่ยไม่มีทางที่จะล็อคได้สัมภาษณ์กรรมการทุกคนได้เลยว่าเราให้คณะกรรมการ ตัดสินด้วยความเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งทุกท่านแฮปปี้มากเพราะท่านเคยดูแต่รายการแค่ข้างนอก แต่ในวันนั้นท่านได้เข้ามาดูการทำงานที่โปร่งใสของเรา"


"คือในวันนั้นที่คะแนนเท่ากันเนี่ยเราตัดสินโดยคณะกรรมการอีกครั้ง หนึ่งว่าใครควรจะได้ที่ 1,2,3,4เราเอาคะแนนทั้งหมดมารวมกันว่าใครควรจะได้ที่1,2,3และ4 ก็ในส่วนของทางบ้านเราจะดูในส่วนของเอสเอ็มเอสและในเว็บไซต์ว่าใครได้ที่ 1,2,3,4และจากทางบ้านเนี่ยคุณฟลุคได้เป็นที่หนึ่ง คุณกอฟได้เป็นอันดับสอง แต่จากทางคณะกรรมการคุณกอฟได้เป็นอันดับหนึ่งคุณฟลุคได้เป็นอันดับสองซึ่งผล ออกมาว่าคะแนนเท่ากัน"


" ด้วยความที่รายการเราเป็นรายการสดเรามีเวลาตรงนั้นเท่านั้นในการ ตัดสินมันต้องมีผู้ชนะแค่คนเดียวดังนั้นเราก็เลยให้คณะกรรมการทั้ง19 ท่านเป็นคนตัดสิน เพราะเราเชื่อว่าคณะกรรมการที่มาเป็นผู้ที่ทรงคุณวุฒิทุกท่านอยุ่แล้วและ เป็นผู้ที่สามารถตอบแทนเสียงของประชาชนได้ แต่ละท่านก็ออกคะแนนเสียงกันสดๆตรงนั้นเลยตอนที่เราไปบอกคณะกรรมการว่าคะแนน เท่ากันคณะกรรมการตกใจมาก แล้วเรามีเวลาเพียงหนึ่งนาที"


" ตอนแรกต้องเลือกจากสี่คน แต่ตอนหลังคือต้องเลือกสองคนคือฟลุคและกอฟใครสมควรจะเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สุด แห่งดาว เราก็เปิดป้ายตรงนั้นนับพร้อมผู้ชมทางบ้านเลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะล็อค เพราะผู้ชมทางบ้านก็เป็นพยานกับเราพร้อมกับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ19ท่าน แล้วผลออกมากรรมการก็ให้คะแนนคุณกอฟมากกว่าคะแนนคุณฟลุค ก็เลยปรากฎว่าคุณกอฟชนะในซีซั่น1 แต่ผมมองว่าทั้งคุณฟลุคคุณกอฟเป็นซูเปอร์สตาร์ทั้งสองคนมันเลยเกิดการเสมอ กันขึ้น แต่คอนโดมีอยู่หลังเดียวจึงต้องตัดสิน"


ลั่น ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ไม่กลัวกับการฟ้องกลับ เพราะมีหลักฐานกับการทำงานที่โปร่งใส บอกตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่เคยเจรจากับอีกฝ่าย แต่พร้อมประนีประนอมก็ถ้ายอมหยุด แต่ถ้ายังไม่หยุดก่อเรื่องก็พร้อมจะดำเนินการต่อให้ถึงที่สุด


"คือไม่มีเลยเหมือนพี่เหมือนน้องกันด้วยซ้ำเรารักกันมากด้วยแต่เรา คิดว่าเขาคงไม่เคยเข้ามาอยู่ในกระแสที่แรงอะไรขนาดนี้ เขาก็คงอยากที่จะดังมากๆ อยากมีชื่อเสียงออกนอกหน้ามากเกินไป ถ้าเกิดเขามีความอดทนตั้งใจทำงานไม่ทำอะไรแปลกๆแบบนี้ จริงๆเขาก็ต้องได้รับชื่อเสียงอยู่แล้ว คือที่เรารักกันนะเขาเคยมาจัดงานแต่งงานให้แพมกับเจ เขาเปิดบริษัทออแกไนเซอร์ เขาก็ชอบเราบอกพี่คนนี้น่ารักจังเลย เราก็เป็นคนไม่ลืมบุญคุณคนนะพอเราได้มาทำรายการนี้เราก็ชวนเขามาทำรายการ เลย"

" คือเราก็ให้เครดิตเขาว่าให้เขาเป็นโชว์ไดเร็กเตอร์ของรายการคือให้ เครดิตมากๆแล้ว มากกว่ารายการอื่นๆเขาจะให้ทีมงานคนไหน ซึ่งจริงๆเขาน่าจะพอใจแล้วแล้วเขาจะไปหาสปอนเซอร์อะไรที่ไหนก็ได้แล้วเราไม่ ได้ว่าอะไรเลย คือตอนนี้มันเกินขอบเขต เขามาถ่ายในเดอะลอฟท์โดยไม่ได้รับอนุญาต สัมภาษณ์ทางสื่อทำเองทั้งหมด คัดเลือกนักแสดงอย่างเนี้ย คนก็เข้าใจผิดว่าเขาเป็นเจ้าของรายการแทนเรา"

"ถ้าเขาออกมาพูดตรงนี้ดูว่าไม่น่าเชื่อถือพออยู่แล้ว เพราะพออยู่ในรายการพูดอีกอย่างนึงออกมานอกรายการพูดอีกอย่างนึง เขาพูดกล่าวอะไรที่มันไม่เป็นความจริง ก็คิดว่าเราก็จะต้องฟ้อง แล้วถ้าเขาเอาข้อมูลอะไรที่เป็นเท็จมาเราก็คงจะไม่ยอมเราก็จะออกมาชี้แจง ทุกอย่าง เพราะว่าเรามีหลักฐานทุกอย่าง เราค่อนข้างโปร่งใสกับการทำงานทุกอย่าง ในเรื่องของทีมงานทุกคน และในเรื่องของนักแสดงทุกคน พุดได้เลยว่าการทำงานของเราโปร่งใสทุกขั้นตอน และตอนที่เราฟ้องนั้นเราไม่ได้ต้องการอะไรเลย เราแค่ต้องการให้เขาหยุดแค่นั้นเอง"


"จริงๆแล้วเราใจกว้างกับเขามากเพราะเราให้อภัยเขามาตั้งแต่ตั้นแล้ว จากการที่เขาเริ่มต้นประชาสัมพันธ์แอบอ้างเราก็ตักเตือนและก็ให้อภัยเขาเขา ก็ให้สัญญากับเรา แล้วเราก็ยังให้เขาทำงานต่อ แต่ปรากฎว่าเขาก็ยังโปรโมทตัวเองต่อไปเราก็ได้เรียกเขามาคุยว่าคุณผิดสัญญา นะอย่างเนี้ยไม่ได้นะ อย่างนั้นเราก็มาจบกันด้วยดีแล้วกันและคุณก็เลิกทำงานและเลิกประชาสัมพันธ์ ตัวเอง เคลียร์ค่าใช้จ่ายให้เขาหมดทุกบาททุกสตางค์ด้วยดี แล้วเขาจะหยุดแต่หลังจากนั้น ก็มีหนังสือออกมาอีก2-3เล่ม ที่ฟ้องร้องแล้วก็ยังมีแมกกาซีนออกมาอีก"


ยันไม่ได้มีการพูดคุยกับคู่กรณีให้รายการเสียหาย


"ไม่มีเลยค่ะเราพร้อมแล้วเราก็รอให้เขามาเจรจาอยู่ด้วยซ้ำ เราไม่ได้อะไร เราทราบจากนักแสดงว่าเขาโทรมาคุยเหมือนว่าจะให้เข้าใจผิดกับทางรายการ แต่เราไม่อะไรที่จะต้องกลัวเพราะเราไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง คือเราโปร่งใสและยินดีที่จะออกมาพูดและถ้าเขามาให้ร้ายกับรายการเราเนี่ย เราก็ไม่ยอมให้ใครมาว่าร้ายรายการเราด้วยเหมือนกัน ที่เขาบอกว่ารายการเราไม่โปร่งใสอะไรยังไง"


" เราก็ไม่ทราบว่ามันมีหลักฐานอะไรกลัวถ้าเขาจะสร้างหลักฐานก็คงเป็น หลักฐานที่เขาสร้างขึ้นมาเองแล้วเราก็ไม่นิ่งนอนใจแน่ๆ แต่เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขามีอะไรคือเรายินดีพูดคุยอยู่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ต้องการอะไรเลย เราแค่อยากขอให้เขาหยุดแค่นั้นเอง หยุดให้ร้ายการการในทางที่ไม่ดี"


" ตอนนี้เราฟ้องไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าประนีประนอมกันได้ก็อาจจะถอนฟ้องคือตอนนี้เราก็รอติดตามทางสื่อว่าเขา จะพูดอะไร แต่ว่าตอนนี้ก็คือจะเนินเรื่องให้ถึงที่สุดถ้าเขาไม่หยุด คือในส่วนที่เขาบอกเขาจะฟ้องกลับ 50 ล้าน ในการที่ทำลายชื่อเสียงของเขาแต่จริงๆทางกฎหมายแล้วเขาฟ้องเราไม่ได้เพราะ สิ่งที่เราพูดมันเป็นความจริงและมีหลักฐานเราจึงสามารถฟ้องได้"


ที่มา ผู้จัดการออนไลน์