Wednesday, October 15, 2008

ไทย-เขมรปะทะแล้ว ทหารพรานไทยบาดเจ็บ2นาย

กองกำลังของไทย-กัมพูชา เปิดศึกปะทะกันแล้ว ตามแนวชายแดนไทย-เขมรนาน 10 นาทีที่ภูมะเขือเชิงปราสาทพระวิหาร เบื้องต้นทหารพรานไทยบาดเจ็บ 2 นาย ขณะที่ทหารกัมพูชา 10 นาย ยอมมอบตัวต่อทหารไทยแล้ว สมพงษ์เตือนธุรกิจกลับไทยด่วนเตรียมแผนอพยพ ฝ่ายไทยยันเขมรยิงก่อนด้วยจรวดอาร์พีจี

(15ต.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองกำลังของไทยและกัมพูชา ยิงปะทะกันตามแนวชายแดนแล้ว โดยนายชอร์ โซคุนเธีย ช่างภาพของรอยเตอร์ กล่าวว่า ได้ยินเสียงปืนทั่วบริเวณ อีกทั้งมีจรวดลูกหนึ่งพุ่งมาจากฝั่งไทย ซึ่งขณะนี้ได้เปิดฉากยิงกันแล้ว

ด้าน พล.อ.เตีย บัน รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ได้มีการยิงตอบโต้กันแล้ว และรายงานจากเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาด้วยว่า ไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน

ทั้งนี้ นายชอร์ โซคุนเธีย ช่างภาพของรอยเตอร์ ที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า ได้เกิดการปะทะกันเป็นเวลาประมาณ 10 นาทีในบริเวณปราสาทพระวิหารตามแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาในวันนี้ โดยเฉพาะที่ภูมะเขือ เชิงปราสาทพระวิหาร ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ม.11 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ ซึ่งเป็นจุดที่เคยเผชิญหน้ากันมาก่อนหน้านี้ โดยทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ทหารไทยจึงตอบโต้กลับไป

"ผมได้ยินเสียงปืนทั่วบริเวณนี้ จรวดลูกหนึ่งพุ่งมาจากไทยเหนือ ศีรษะของผม ขณะนี้คุณสามารถได้ยินเสียงการสู้รบ พวกเขาได้เปิดฉากยิงแล้ว ผมจำเป็นต้องหาที่หลบภัย" ช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์กล่าว

ด้านเจ้าหน้าที่กัมพูชารายหนึ่งกล่าวในวันนี้ว่า ทหารไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน

"ผมยืนยันได้ว่ามีการปะทะกันระหว่างกัมพูชาและไทย ฝ่ายไทยได้ยิงเราก่อน" นายเพรียบ ตาน ผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหารของกัมพูชากล่าว

ฝ่ายไทยยันเขมรยิงก่อนด้วยจรวดอาร์พีจี

ขณะเดียวกันรายงานในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษว่า ทหารกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉากยิงปะทะมาทางทหารไทยก่อนด้วยจรวดอาร์พีจีทำให้ ทหารไทยต้องยิงตอบโต้

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.40น.มีรายงานว่าทหารพรานของไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย

ทหารกัมพูชา10นายยอมมอบตัวต่อทหารไทยแล้ว

ช่างภาพของสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทหารกัมพูชา 10 นาย ที่ประจำการอยู่ในพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทพระวิหาร ได้ยอมมอบตัวต่อทหารไทยแล้ว หลังเกิดการยิงปะทะกัน โดยทหารเหล่านี้เป็นพวกที่ประจำการอยู่ที่เจดีย์ ใกล้ปราสาทพระวิหาร ได้ชูมือขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อเข้ามอบตัวต่อทหารไทย ขณะที่เสียงปืนยังคงได้ยินอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 23 ประกาศให้เจ้าหน้าที่ทุกนายเตรียมความพร้อมเสริมกำลังที่บริเวณเขตชายแดน ปราสาทพระวิหาร ต่อการรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ประกาศเตือนไปยังประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสียงภัย เตรียมอพยพ ส่วนพื้นที่ใกล้เคียงก็ให้เตรียมตัวไว้ และยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่เกิดการยิงปะทะ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ พล.ต.กนก เนตระคะเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้สั่งการผ่านเครื่องขยายเสียง ระดมทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว พร้อมรถยีเอ็มซี ขึ้นไปที่บริเวณภูมะเขือ ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่บริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชา เริ่มอพยพเก็บข้าวของหลบภัยแล้ว

นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ส่วนที่บริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้ว ยังคงเป็นปกติไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น แต่ข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ส่งผลกระเทบเศรษฐกิจการค้าบริวณนี้ทำให้การค้าเงียบเหงา แต่ยังไม่มีมารปิดด่าน ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เสริมกำลังเข้าไป แต่ยังไม่ได้นำรถหุ้มเกราะเข้าไป

สมพงษ์เตือนธุรกิจกลับไทยด่วนเตรียมแผนอพยพ

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศ เตือนนักธุรกิจไทยในกัมพูชาว่า หากไม่จำเป็นขอให้รีบเดินทางกลับประเทศไทย โดยขณะนี้มีแผนอพยพคนไทยในกัมพูชารองรับแล้ว

"นักธุรกิจไทยในกัมพูชา ถ้าไม่จำเป็น ขอให้รีบกลับประเทศ...ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเราพร้อมอพยพทันที มีแผนอยู่แล้ว" นายสมพงษ์ กล่าว

"สุขุมพันธุ์"หนุนคงกำลังพื้นที่4.6

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ(เงา) พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงท่าทีแข็งกร้าวของรัฐบาลกัมพูชา ที่ยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทย ถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรทางด้านตะวันตกของปราสาทพระวิหาร ว่า ไม่ทราบว่านายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาหงุดหงิดเรื่องอะไร เพราะทหารไทยเข้าไปเพื่อกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากหลักฐานที่

ได้มาเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ทำในรัสเซีย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ขอให้กำลังใจรัฐบาลและกองทัพในการปฏิบัติภารกิจที่ถูก ต้อง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน แต่เป็นพื้นที่ของไทยที่มีการอ้างสิทธิอธิปไตยทับซ้อน จึงถือว่าไทยมีสิทธิที่จะมีกองกำลังในพื้นที่นี้

แต่ขณะเดียวกันจะต้องหาวิธีที่จะให้ความสัมพันธ์กลับไปสู่ภาวะปกติ โดยใช้กลไกที่มีอยู่ คือ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี เจรจากัน เพราะตนเองเป็นห่วงว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัด ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ในวันที่ 15-18 ธันวาคมนี้

ส่วนกรณีที่กัมพูชาให้ข่าวต่อสำนักข่าวต่างประเทศว่า ไทยถอนทหารแล้วนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เชื่อว่า รัฐบาลกัมพูชาต้องการลองของ เพราะไทยมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหน้าใหม่ จึงบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าไทยถอนทหาร ส่วนที่พยายามโยงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สนิทสนมกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้นั้นขณะนี้ยังไม่มี หลักฐานที่บ่งชี้ แต่ที่สำคัญ ผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

No comments: