Tuesday, October 21, 2008

ในหลวง-ราชินี ทรงยกเศวตฉัตร ทรงชื่นชมพระเมรุสวย เรียบร้อย



ในหลวง -พระราชินีทรงยกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อธิบดีกรมศิลป์เผย ทรงชื่นชมพระเมรุสวยงามและเรียบร้อยดี พระจิตกาธานงาม อัศจรรย์ฝนที่กระหน่ำอย่างหนักหยุดตกทันทีที่เสด็จฯถึงมณฑลพิธี กรมการศาสนาแจงขั้นตอนถวายดอกไม้จันทน์ ต่างจังหวัดให้ติดตามถ่ายทอดสดทางทีวี

เมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 20 ตุลาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ยังพระที่นั่งทรงธรรม พระเมรุท้องสนามหลวง เพื่อทรงประกอบพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ พระราชพิธีพระราช ทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร และคณะ กรรมการ เฝ้าฯรับเสด็จ

เมื่อเสด็จฯถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯประทับพระราชอาสน์ ที่มุขพระที่นั่งทรงธรรม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานเบิกคณะกรรมการสร้างพระเมรุ จากนั้นโหรหลวงทำพิธีบูชาฤกษ์ที่ศาลบูชาเทวดา เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปยังที่ประดิษฐานสัปตปฎลเศวตฉัตร ทรงเจิมสัปตปฎลเศวตฉัตร นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ถวายสายสูตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงถือสายสูตรยกยอดสัปตปฎลเศวตฉัตร ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตรและดุริยางค์ เจ้าหน้าที่ยกเชิญเศวตฉัตรสวมบนปลียอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานสายสูตรให้อธิบดีกรมศิลปากร รับไปผูกไว้ที่เสาบัวกลุ่ม



เมื่อ เสร็จพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯประทับรถยนต์พระที่นั่งไฟฟ้า ทอดพระเนตรพระเมรุบริเวณด้านนอก จากนั้นเสด็จฯประทับลิฟต์ทางเสด็จฯเพื่อขึ้นทอดพระเนตรพระเมรุด้านในอย่าง ละเอียด ใช้เวลากว่า 30 นาที ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ

ผู้สื่อข่าว รายงานด้วยว่า ในเวลา 15.30 น. ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯมาถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ประชาชนที่มาเฝ้าฯรับเสด็จ ยังคงปักหลักกางร่มรอเฝ้าฯ จนกระทั่งใกล้เวลาเสด็จฯ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก็ค่อยๆ เบาลงและหายไปในที่สุด

นอกจากนี้ ตลอดเส้นทางเสด็จฯ มีประชาชนนั่งรอเฝ้าฯรับเสด็จ และร่วมใจกันโบกธงชาติ ธงสัญลักษณ์พระปรมาภิไธย พร้อมส่งเสียงแซ่ซ้อง "ทรงพระเจริญ"

ด้าน นาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานจัดงานพระเมรุฯ ให้สัมภาษณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า พระเมรุมีความสวยงาม และเรียบ ร้อยดี และยังรับสั่งด้วยว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประสูติวันอาทิตย์ แต่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงชื่นชอบสีฟ้า ซึ่งต่างกับพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ประสูติวันอาทิตย์เหมือนกันแต่จะชอบสีแดง พร้อมทั้งยังรับสั่งอีกว่าพระจิตกา ธานมีความสวยงามและใหญ่ดี

สำหรับ สัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีลักษณะเป็นฉัตรผ้าทรงกลม 7 ชั้น สูง 4.55 เมตร คันฉัตรทำด้วยสแตนเลสทาสีทอง เมื่อนำมาสวมกับโครงปลียอดจะยึดด้วยน็อตสลักยาว 3 นิ้ว กำพูฉัตรเป็นไม้กลึงแกะสลักปิดทอง เพดานฉัตรดาดด้วยผ้าลินินสีขาว ระบายฉัตรแต่ละชิ้นเป็นผ้าลินินสีขาวซ้อนทับกัน 3 ชั้น ไล่ระดับ ที่ชายผ้าทุกชั้นขลิบแถบดิ้นสีทองโดยรอบ ที่โครงระบายฉัตรชั้นที่ 1 ห้อยดอกจำปาสีทอง 8 สาย สายละ 8 ดอก ฉัตรชั้นที่ 1 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.855 เมตร สูง 0.375 เมตร

ฉัตร ชั้นที่ 2 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.625 เมตร สูง 0.32 เมตร ฉัตรชั้นที่ 3 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.475 เมตร สูง 0.27 เมตร ฉัตรชั้นที่ 4 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.375 เมตร สูง 0.25 เมตร ฉัตรชั้นที่ 5 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.29 เมตร สูง 0.235 เมตร ฉัตรชั้นที่ 6 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.225 เมตร สูง 0.22 เมตร ฉัตรชั้นที่ 7 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.19 เมตร สูง 0.21 เมตร ยอดฉัตรเป็นไม้กลึงปิดทองสูง 1.16 เมตร ส่วนบนสุดของยอดฉัตรเมื่อประดิษฐานแล้วจะได้ติดสายล่อฟ้า ขนาด 9 มิลลิเมตร ร้อยซ่อนภายในแกนจากยอดฉัตรผ่านคันฉัตรสู่พื้นดิน

วัน เดียวกัน เวลา 09.09 น. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง บริเวณพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ได้มีพิธีบวงสรวง และอ่านโองการสักการะสดุดีครูช่าง

โดยพระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เพื่อบอกกล่าวเทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และขอพรครูช่าง หลังจากการจัดสร้างพระเมรุได้สำเร็จลุล่วงอย่างราบรื่น และสมพระเกียรติ โดยมี น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบ และจัดสร้างพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร และผู้บริหารกรมศิลปากรเข้าร่วม

พระราชครูวามเทพมุนีเปิดเผยว่า การบวงสรวงครั้งนี้ ถือฤกษ์ศุภฤกษ์มงคลการ จันทรวาร เดือนสิบเอ็ด แรม 6 ค่ำ ฉนำพุทธศักราช 2551 ทั้งนี้ การประกอบพิธีสดุดีครูช่าง ถือฤกษ์ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม นับเป็นวันประเสริฐของเหล่าคณะช่างผู้สร้างพระเมรุ ก่อนจะมีพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ อันถือเป็นการสิ้นสุดการก่อสร้าง เพื่อขอบคุณครูช่างที่อำนวยให้การจัดสร้างพระเมรุ และอาคารประกอบสำเร็จลุล่วงด้วยดี และงด งามอย่างสมพระเกียรติ อีกทั้งยังเป็นการขอบคุณครูช่างที่ให้วิทยาการสืบทอดศิลปะของไทย และประการสุดท้ายถือ เป็นการส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ สู่สวรรคาลัย

ที่ โรงแรมตรัง กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) เป็นประธานการฝึกอบรมให้ความรู้แนวทางการจัดงานพระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แก่เจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัด 75 จังหวัด เพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติ และขั้นตอนการถวายดอกไม้จันทน์ รวมทั้งมอบพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อนำไปใช้ประกอบในพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ

นาย จำลอง ยิ่งนึก หัวหน้าฝ่ายพิธีการ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง กล่าวว่า ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถวายดอกไม้จันทน์ได้ตามซุ้มที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเบื้องต้นเตรียมไว้ 4 ซุ้ม บริเวณทิศเหนือของพระเมรุ รวมทั้งจุดต่างๆ ที่ กทม.จัดไว้ ส่วนในภูมิภาคนั้น ได้มอบหมายให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประกอบพิธีโดยยึดตามพระราชพิธีในส่วนกลาง โดยแต่ละจังหวัดจะเลือกวัด หรือสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางของประชาชน สำหรับจัดพิธีบำเพ็ญพระกุศล และถวายดอกไม้จันทน์ ทั้งนี้ พิธีถวายดอกไม้จันทน์จะเริ่มพร้อมกับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง และให้แต่ละจังหวัดยึดตามพิธีการจากการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ โดยประชา ชนที่เข้าพิธีบำเพ็ญกุศล และถวายดอกไม้จันทน์ให้แต่งกายชุดดำสุภาพ

No comments: