Thursday, October 16, 2008

เกรซ-กาญจน์เกล้าฟ้องหนังสือพิมพ์บันเทิง เหตุ-เขียนข่าวติดยา


''เกรซ-กาญจน์ เกล้า'' ฉุนขาดประกาศฟ้องหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่ง เนื่องจากเขียนข่าวเธอติดยา ดาราสาวลั่นไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องเอาเงิน เพียงแต่จะกอบกู้ชื่อเสียงตัวเองกลับมาเท่านั้นเอง ด้าน คุณแม่พาณิภัค อึ้งปณวัตน์ ออกโรงปกป้องลูกสาว ขอเอาชีวิตของแม่เป็นประกัน เผยลูกสาวไม่เคยทำตัวเหลวไหลอย่างที่เป็นข่าว

จาก กรณีที่มีหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่ง พาดหัวข่าวในทำนองที่ว่า ดาราสาว ''เกรซ'' กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2004 ติดยาและฉีดยาเข้าเส้น จนทำให้ดาราสาวได้รับผลกระทบต่อชื่อเสียง และสร้างความเสียหายต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเธอเป็นอย่างมาก เนื่องจากเดินไปทางไหนก็จะโดนนินทาว่ากล่าวและโดนตราหน้าว่าเป็นคนติดยา ฉีดยาเข้าเส้น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

โดย เนื้อหาดังกล่าวสร้างความสับสนให้กับผู้อ่านข่าว เนื่องจากพาดหัวในทำนองที่ว่า ลือหึ่ง! เกรซติดยา ฉีดยาเข้าเส้นเลือด แต่เนื้อข่าวข้างในกลับบอกว่า ''ฉีดสีผิว'' งานนี้สาวเกรซก็เลยจะดำเนินการฟ้องหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว เพื่อให้ออกมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำกับตน โดยผู้สื่อข่าวมีโอกาสเจอหน้าสาวเกรซในงาน เปิดตัว ''ไซเบอร์ช็อต&ไวโอ้'' สีสันสดใส ดีไซน์เก๋ ของโซนี่ ที่อีเดนโซน ชั่น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิลด์ เมื่อวันก่อน เลยรีบเข้าไปสอบถามข้อเท็จสาวปากสายเกรซทันที

''ไม่ได้ฉีด ค่ะ ไม่ได้ทำจริงๆ ในเมื่อพูดไปแล้วรอบหนึ่งแล้ว ไม่เชื่อก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคลค่ะ ช่วยไม่ได้ คือจะบอกว่าทุกวันนี้เกรซแทบจะไปไหนไม่ได้เลย ไปไหนก็มีแต่คนถามไปทำอะไรไปฉีดสีผิวที่นี่มาเหรอ เกรซอยากจะบอกว่าเรายืนตรงนี้ใครจะกุข่าวอะไรก็ได้ อยู่ดีๆ บอกเห็นเราที่โน่นที่นี่ก็ได้ เกรซอยากจะบอกว่าเอาใบเสร็จมาเลย ถ้ามีชื่อเกรซจริงๆ เท่าไหร่เกรซก็ให้ค่ะ ถือว่าเกรซไม่ได้ทำ มันไม่ได้โชคดีมากที่เรามีผิวขาว มันเป็นข้อเสียด้วยซ้ำในวงการบันเทิงเพราะว่าแต่งหน้ามันต้องแต่งถึงคอแล้ว ไม่มีใครลำบากเท่าเกรซนะ แต่จุดที่ดีก็คือเรามีผิวขาวใส แต่การทำงานลำบากมาก และเกรซไม่ได้ภูมิใจกับผิวตัวเองเท่าไหร่''

''พอ เจอข่าวแบบนี้เยอะๆ มันก็ไม่ได้เครียดมากหรอกค่ะ ตอนนี้ก็เป็นข่าวใหญ่ เบื่อที่จะแก้ตัว เราปกป้องตัวเองได้ในระดับหนึ่งที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นวิจารญาณดีกว่า แต่ที่โกรธมากคือข่าวที่เขียนว่าเกรซติดยา อันนี้โกรธมาก อันนี้คงต้องปล่อยให้เป็นวิจารญาณขึ้นอยู่แต่ละคนมีมากมีน้อย หนูขี้เกียจจะพูด เบื่อจะพูดแล้ว เซ็งมาก สำหรับตัวเกรซเองไม่ได้อะไรมาก จริงๆ ซีเรียสตรงที่พาดหัวข่าวแรงมากเลย ถ้าเป็นลูกเป็นหลานเค้าโดน คงรู้สึกแย่เหมือนกัน เหมือนรังแกกันเกินไป สำหรับข่าวนี้ก็เพิ่งรู้วันนี้เอง ไม่คิดว่าลงแรงขนาดนี้ เนื้อหาข้างในคือฉีดสีผิว แต่ข้างนอกเขียนว่าเกรซติดยาฉีดยาเข้าเส้นเลือด แล้วใครจะมานั่งแกะหนังสือพิมพ์อ่าน คือถ้าคนที่ซื้อก็ได้อ่านข้างใน แต่ถ้าไม่ซื้อเค้าก็จะเห็นแค่พาดหัวเค้าก็เข้าใจแบบนั้นว่าเกรซติดยา ฉีดยาเข้าเส้น ข่าวออกไปแล้ว จริงๆ ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ควรจะรับผิดชอบสิ่งที่ทำนิดหนึ่ง เป็นสื่อควรจะมีจรรยาบรรณ อันนี้จริยธรรมก็ไม่มี''

''ถามว่าท้อมั้ยที่เจอข่าวแรงขนาด นี้ ก็ส่งผลกระทบต่อเรามากเหมือนกันนะ สำหรับเกรซเองก็ไม่ได้ทำตัวประเจิดประเจ้อไม่ทำอะไรเลย แต่เค้าก็เล่นข่าวให้เราเสียหาย บางคนมองว่าข่าวไร้สาระ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันมีผลกระทบต่อเกรซมากแค่ไหน ส่วนเรื่องฟ้องร้องเริ่มเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ ต้องปรึกษาผู้ใหญ่ทางช่องอีกที แต่ที่ฟ้องเราไม่ได้อยากได้เงิน เพราะเงินไม่ใช่สิ่งที่เกรซต้องการ สิ่งที่ต้องการ คือความรู้สึกที่เสียไปก็เรียกกลับมาไม่ได้ ฝากบอกว่าจะหาแต่รายได้มันก็ไม่ถูก การเป็นสื่อต้องดำรงกันไปแต่ต้องอยู่ตรงกลางไม่ใช่มาล้ำเส้นกันขนาดนี้'' เกรซกล่าว

ด้านคุณแม่พาณิภัค อึ้งปณวัตน์ คุณแม่ของสาวเกรซก็ออกมาระบายความในใจและปกป้องลูกสาว โดยการยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนั้นแน่นอน

''ที่ ผ่านมามีข่าวตลอดหลายเล่มมากเลย แล้วไม่ได้เป็นความจริง แล้วเมื่อเช้ามีข่าวแรงมาก คุณแม่รับไม่ได้ ปกติเราอยู่กันง่ายๆ ไม่เคยเป็นข่าว สิ่งที่ผ่านมาเป็นข่าวเรื่อยๆ แรงมาก ขึ้นหน้า 1 มีรูปด้วย ซึ่งคุณแม่คิดว่าไม่ไหวแล้ว คุณแม่เรียนไปทางช่องแล้วว่าเป็นอย่างนี้ ผู้ใหญ่จะจัดการยังไง ที่ผ่านมาหนักมาก เค้าได้ทำร้ายเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเยาวชน ซึ่งเค้าทำหน้าที่ของเค้าได้ดี เป็นลูกที่ดี ใฝ่ความรู้ตั้งใจเรียนทำ ตั้งใจทำงาน ทำงานตั้งแต่อายุ 14-15 แล้วน้องอยู่ในกรอบตลอด เป็นเด็กที่ดี ตอนนี้น้องเกรซจะเดินไปไหนจะต้องเป็นที่กังขาของคนว่าติดยา ฉีดยาเข้าเส้น ข่าวแค่นั้น ตารางเนื้อข่าวไม่มีที่จะลงเลยว่าน้องไปฉีดสีผิวไปอยู่หน้าสองซึ่งหนังสือ พิมพ์ขายไปแล้ว คนซื้อก็อ่านไป คนไม่ซื้อก็กังขาอยู่ตรงนั้น ว่าไปพูดต่อๆ น้องก็เสียไปทั่วประเทศน้องเสียไปแล้ว คุณแม่เป็นแม่ไม่ได้ปกป้องลูกตั้งแต่ต้น เพราะว่าน้องอายุเพิ่ง 19 แม่ต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่แม่ ในฐานะน้องเป็นเยาวชนอยู่ สิ่งที่คุณเขียนมันไม่มีแหล่งข่าว น้องยืนยันตลอดน้องไม่ได้ทำ ไม่อะไรเลย ที่น้องจะฉีดสีผิว หลายเล่มเขียนไม่พอ เรียบเรียงถ้อยคำใหม่ว่า ลือหึ่ง เกรซติดยา ฉีดยาเข้าเส้น หยุดอยู่แค่นั้น พอหน้าสองค่อยบอกว่าฉีดสี คุณแม่ขอร้องอย่าได้เกิดขึ้นอีกเลย''

''คุณแม่จะฟ้อง หนังสือเล่มนี้ เพราะว่าเค้าได้ทำร้ายเด็กสาวคนหนึ่งไปแล้ว แล้วตอนนี้สังคมจะมองน้องเกรซยังไง อยู่ในวงการอยู่ในสังคมถึงแม้จะเป็นเด็กสาวธรรมดา ก็ไม่ควรจะโดนประณามอย่างนี้ ซึ่งไม่มีอะไรทั้งสิ้น พอเราเงียบๆ มาตอลด เค้ายิ่งเอาใหญ่ น้องเกรซก็มีพ่อมีแม่ เค้าผิดเหรอคะที่เกิดมามีผิวขาว เค้ายิ่งโต เค้าก็ใสขึ้น ขาวขึ้น เวลาจะไปดูดสิวเสี้ยน นวดหน้าเค้ายังไม่มีเลย แต่น้องเป็นคนที่ชอบเลี่ยงแดด เวลาไปทำงานเค้าจะให้คุณพ่อคุณแม่ไปส่งถึงที่เค้าจะไม่เอาแดดเค้าจะไม่โดน แดด ไปเรียนใส่ชุดนักศึกษาก็ต้องมีเสื้อแขนยาว เค้ามีเสื้อหลายตัว ขนาดถ่ายละครก็ใส่เสื้อแขนยาวตลอดและโดยพื้นเพ ที่บ้านเป็นคนผิวขาว น้องคนเล็กขาวยิ่งกว่าเกรซอีก พ่อแม่ก็ขาว ที่บ้านมีเชื้อจีนไม่ผิดเลยที่น้องเกรซจะขาว ไม่จำเป็นแม่ดูแลน้องตอลด เรื่องผิวให้ใช้ครีมบำรุงผิวธรรมดาทั่วไป ตั้งแต่ 11 ขวบ คุณแม่ซื้อครีมให้เค้าเยอะมาก เค้าก็จะบำรุงผิว แม่ยืนยันด้วยชีวิตของแม่น้องไม่ได้ไปฉีดสีผิว ศัลยกรรมทั้งสิ้น ร่างกายน้องได้มาตั้งแต่เกิด ถ้าหากไม่หยุดเขียนข่าวคุณแม่ก็จะเอาชีวิตของแม่เนี่ยแหละประกันลูกสาวคุณ แม่ ว่าเค้าไม่ได้ฉีดสีผิวไม่ได้ทำ หลักฐานก็ไม่มีอยู่แล้วเพราะน้องไม่ได้ทำ คุณแม่จะฟ้องหนังสือพิมพ์เล่มนั้นค่ะ'' คุณแม่พาณิภัคกล่

No comments: