Wednesday, October 29, 2008

อ้น ถอนตัว เทวดาสาธุ รับตัวเองไม่ได้

"อ้น" สราวุธ มาตรทอง ตัดสินใจถอนตัวจากละครเรื่อง "เทวดาสาธุ" หลังคลิปเริงสวาทกับแฟนเก่าหลุดว่อนในอินเทอร์เน็ต ด้าน "ปุ๊" มนตรี เผยเสียดายนักแสดงรุ่นน้อง บอกสนิทกันเหมือนพี่-น้อง

หลังจากมีคลิปหน้าเหมือน"อ้น" สราวุธ แพร่ทางอินเทอร์เน็ต กระทั่ง พระเอกคนดัง ออกมาเปิดแถลงข่าวทั้งน้ำตาพร้อมยืดอกยอมรับ ว่าภาพที่เห็นเป็น ตนเองกับแฟนเก่า เรื่องที่เกิดเกิดจากความคึกคะนอง และความสะเพร่าของตน เอง เพราะมือถือเครื่องที่ถ่ายคลิปดังกล่าวหายไป อีกทั้งยังกราบขอโทษทุก คน และขอยอมรับผิดทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว ล่าสุดมีข่าวเล็ดลอดออกมา ว่า พระเอกหนุ่ม รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถรับตัวเองได้ จึง ตัดสินใจขอถอนตัวจากซิทคอมเรื่อง เทวดาสาธุ ที่ออกอากาศทางช่อง 3 ทุกคืนวัน อาทิตย์ เวลา 23.00 น. ของบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น

แหล่งข่าวแจ้งว่าเนื่องจากที่ผ่านมา ภาพของพระเอกคนดังดีมาตลอด แต่เมื่อ มีภาพหลุดขณะกำลังเริงสวาทกับแฟนเก่าโผล่ออกมา ทำให้ "อ้น" เสียความมั่นใจ ในตัวเอง และเนื่องจากซิทคอมเรื่องดังกล่าว เขารับบทเป็น "สาธุ" เทวดา หนุ่ม ซึ่งภาพที่หลุดออกมาขัดกับบทบาทที่เขาได้รับ ส่งผลให้ต้องตัดสิน ใจ แสดงสปิริตด้วยการขอถอนตัว โดยเข้าไปบอกกับผู้ใหญ่ของบริษัทบรอดคาซท์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของผู้ใหญ่ ซึ่ง พระเอกคนดัง อาจจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ เกี่ยวกับเรื่อง นี้ ได้สอบถามไปยังนักแสดงรุ่นใหญ่ ที่แสดงร่วมกันในซิทคอมเรื่องดังกล่าว " ปุ๊" มนตรี เจนอักษร ได้ความดังนี้

"เรื่องอ้นขอถอนตัว ผมยังไม่ทราบเรื่อง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมก็ ย่อมเสียดาย เพราะคนสนิทกัน เรื่องนี้เราร่วมงานกันมา 2 ปีแล้ว เจอหน้ากัน ทุกอาทิตย์ และไม่ได้เจอเรื่องนี้เรื่องเดียว ผมเจอกับอ้นเรื่องอื่น ด้วย สนิทกันจนอ้นกลายเป็นน้องชายผมไปแล้ว" ปุ๊กล่าว

ถามต่อว่าภายหลังจากเกิดเรื่อง พระเอกหนุ่มมาปรึกษาอะไรหรือเปล่า ซึ่งได้คำตอบ ว่าทุกครั้งที่ทำงาน ก็ไม่ได้คุยกันถึงเรื่องนี้เลย

"ไม่ได้เอ่ยถึงเลย จะคุยถึงเรื่องอื่น อย่างอ้นเพิ่งกลับมาจาก อังกฤษ เขาก็เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไรบ้าง การทำงานความตั้งใจ และความ รู้สึกก็เหมือนเดิม อ้นก็วางตัวเหมือนเดิม ปกติอ้นเป็นคนเฉยๆ บางครั้งก็มี สนุกสนานบ้าง ทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นที่รักของทุกคนเหมือนเดิม" นักแสดงมือ อาชีพกล่าว
ที่มา คมชัดลึก

No comments: