Thursday, October 16, 2008

ผลเจรจาไทย-เขมรล้มเหลว


ผลเจรจาทหารไทย-กัมพูชา ไร้ข้อสรุป ยังคงตรึงกำลังไว้ทั้งสองฝ่าย จัดชุดลาดตระเวนร่วมป้องกันการปะทะ พร้อมนัดเจรจารอบใหม่ 21ตุลาฯที่เสียมราฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การเจรจาร่วมกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะกันที่ภูมะเขือ เชิงปราสาทเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ วานนี้ ปรากฏว่า ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันในการจัดกำลังชุดลาดตระเวนร่วมในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันการปะทะ และนัดเจรจาคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค หรือ อาร์บีซี อีกครั้งในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ ที่เมืองเสียมราฐ ของประเทศกัมพูชา

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่2

ผู้ สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การเจรจาร่วมกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะกันที่ภูมะเขือ เชิงปราสาทเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ วานนี้ ปรากฏว่า ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันในการจัดกำลังชุดลาดตระเวนร่วมในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันการปะทะ และนัดเจรจาคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค หรือ อาร์บีซี อีกครั้งในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ ที่เมืองเสียมราฐ ของประเทศกัมพูชา

พล. ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังหารือกับฝ่ายกัมพูชาว่าไทยและกัมพูชาตกลงทำการลาดตระเวณร่วม กันในพื้นที่พิพาทใกล้ชายแดน หลังจากการหารือกับฝ่ายกัมพูชาเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยทั้งสองฝ่ายจะตรึงกำลังและปืนใหญ่ในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนใกล้บริเวณ ปราสาทพระวิหารต่อไป

นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน รองผู้ว่าราชการ จ.ศรีสะเกษ เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ 3 ตำบลของ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ติดชายแดนกัมพูชา เพื่อซักซ้อมความเข้าใจแผนอพยพประชาชน กรณีเกิดการปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นอีก ตามแผนจะอพยพเฉพาะเด็ก สตรี คนชรา ผู้ป่วย คนพิการ และพระสงฆ์ในพื้นที่ 17 หมู่บ้าน

นายวีระพันธุ์ วัชราทิพย์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กล่าวภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา เมื่อวานนี้ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ปิดสถานทูตไทยในกัมพูชา รวมทั้งยังไม่มีแผนอพยพคนไทยในกัมพูชากลับประเทศ ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา จนถึงเที่ยงวันนี้ มีคนไทยเดินทางกลับประเทศแล้วกว่า 600 คน โดยส่วนใหญ่ เป็นนักธุรกิจที่มีความกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีบทเรียนจากกรณีเผาสถานทูต

กระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญคณะทูตานุทูต และองค์กรระหว่างประเทศ 80 ประเทศ มารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา จากนายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ซึ่งลงพื้นที่จุดที่มีการปะทะกัน และมีปัญหาทับซ้อนของพื้นที่

นอก จากนี้ ยังเชิญ พล.ท.ธำรงศักดิ์ ดีมงคล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ มาเปิดเผยข้อมูลหลังจากพบกับระเบิด TMM 2 ในพื้นที่ ซึ่งสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นการนำมาฝังใหม่ของฝ่ายกัมพูชา เพราะว่ามีนายทหารพรานของไทย 2 นายได้รับบาดเจ็บขาขาด จากการเหยียบกับระเบิดบริเวณดังกล่าว เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ถือว่าเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา หรือ ห้ามทุ่นระเบิดที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามเป็นภาคีระหว่างกัน เมื่อปี 2543

สำหรับอนุสัญญาออตตาวา มีสาระสำคัญคือ การห้ามใช้สะสม ผลิตและเคลื่อนย้ายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยที่ประชุมจะมีการนำภาพที่ฝ่ายไทยเก็บ และรวบรวมเป็นหลักฐานมาแสดงให้คณะทูตานุทูตรับทราบ.
ที่มา โพสท์ทูเดย์

No comments: