Tuesday, October 28, 2008

แพม ควงสามียันซูเปอร์สตาร์ไม่ล็อคแชมป์ จวกอยากดัง

"แพม" ควงสามี โต้กลับอดีตโชว์ไดเร็คเตอร์ ยันรายการโปร่งใสไม่มีการล็อค ผู้ชนะ เชิญอีกฝ่ายแฉได้เลยถ้าอยากดัง บอกเคยรักกันดี ไม่มีบาดหมาง แต่กลับทำให้รายการเสียหาย ทิ้งท้ายไม่หวั่นโดนฟ้องกลับ ลั่นกลัวอีกฝ่ายสร้างหลักฐานเท็จ

จบไม่สวยซะแล้ว สำหรับรายการ "ซูเปอร์สตาร์...ที่สุดแห่งดาว" แม้ว่ารายการจะจบไปแล้วแต่ดูเหมือนเจ้าของรายการและอดีตทีมงานเพิ่งเปิดศึก อย่างเป็นทางการใส่กันอีกรอบ หลังจากที่ฝ่ายเจ้าของรายการอย่าง"แพม ลลิตา ตะเวทิกุล" และ สามี "เจ ภาณุพงษ์ วรเศรษฐการกิจ" ออกแถลงข่าวจะฟ้องร้องอดีตทีมงาน 50 ล้านบาท มาวันนี้ (29ต.ค.) ทางฝ่ายนายเอส อนุสิทธิ์ อดีตโชว์ไดเร็คเตอร์รายการจะแถลงข่าวฟ้องกลับ แถมแฉรายการไม่โปร่งใส ล็อคผู้ชนะไว้แล้วอีกด้วย

ร้อนถึงทางแพม กับสามีต้องออกโรงโต้อีกรอบ ในงานประกาศรางวัล "โอเค อวอร์ด" ของนิตยสารโอเค แถมโชว์หลักฐานยืนยันอีกฝ่ายให้สัมภาษณ์จนฝ่ายตนเองเสียหายในนิตยสาร ยืนยันว่าทางรายการไม่เคยล็อคผู้ชนะ อีกทั้งกรรมการที่ตัดสินล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
ส่วนกรณีอดีตโชว์ไดเร็กเตอร์ของรายการ จะออกมาฟ้อง ฐานทำให้เสียชื่อเสียงบอก ไม่กลัวถ้ามีหลักฐานคงเป็นหลักฐานเท็จ และถ้ายังไม่หยุดจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ก่อนยันแม้คะแนนของ "ฟลุค เกริกพล" และ "กอฟ อัครา" เท่ากัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าล็อคเอาไว้แล้ว

"เราต้องอธิบายก่อนว่าผลโหวตที่เท่ากันเนี่ย คือเราต้องบอกจุดประสงค์ของรายการเราก่อนว่าเราต้องการเฟ้นหาผู้ชนะที่มี ทั้งความสามารถและความนิยมของประชาชน 50-50เสมอคือตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เราแข่งมาเนี่ยเรามีคณะกรรมการมาตัดสิน ก่อนว่าใครจะเข้ารอบด้วยความสามารถล้วนๆเลย แล้วในด้านผลโหวตก็คือดูว่าใครจะออก ในรอบสุดท้ายคือเราเชื่อมั่นในซูเปอร์สตาร์ทุกคนที่เข้ารอบสุดท้ายถือว่าสุด ยอดแล้วทั้งความสามารถและคะแนนนิยม"


"ทีนี้ในการตัดสิน คือต้องมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว แต่ว่าอีกสามท่านเนี่ย ก็เป็นที่สองร่วมกันเพราะเราถือว่าผู้ที่เข้ารอบมาถึงรอบนี้ก็ถือว่าความ สามารถเยี่ยมแล้วเกณฑ์ในการตัดสินรอบชิงชนะเลิศเนี่ยเราเอาคะแนนมาจาก2 ส่วนคือ หนึ่งเอามาจากคณะกรรมการที่เรานำมาก็ทรงคุณวุฒิในวงการทั้งสิ้น คือทุกๆท่านทั้ง19 คนเนี่ยไม่มีทางที่จะล็อคได้สัมภาษณ์กรรมการทุกคนได้เลยว่าเราให้คณะกรรมการ ตัดสินด้วยความเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งทุกท่านแฮปปี้มากเพราะท่านเคยดูแต่รายการแค่ข้างนอก แต่ในวันนั้นท่านได้เข้ามาดูการทำงานที่โปร่งใสของเรา"


"คือในวันนั้นที่คะแนนเท่ากันเนี่ยเราตัดสินโดยคณะกรรมการอีกครั้ง หนึ่งว่าใครควรจะได้ที่ 1,2,3,4เราเอาคะแนนทั้งหมดมารวมกันว่าใครควรจะได้ที่1,2,3และ4 ก็ในส่วนของทางบ้านเราจะดูในส่วนของเอสเอ็มเอสและในเว็บไซต์ว่าใครได้ที่ 1,2,3,4และจากทางบ้านเนี่ยคุณฟลุคได้เป็นที่หนึ่ง คุณกอฟได้เป็นอันดับสอง แต่จากทางคณะกรรมการคุณกอฟได้เป็นอันดับหนึ่งคุณฟลุคได้เป็นอันดับสองซึ่งผล ออกมาว่าคะแนนเท่ากัน"


" ด้วยความที่รายการเราเป็นรายการสดเรามีเวลาตรงนั้นเท่านั้นในการ ตัดสินมันต้องมีผู้ชนะแค่คนเดียวดังนั้นเราก็เลยให้คณะกรรมการทั้ง19 ท่านเป็นคนตัดสิน เพราะเราเชื่อว่าคณะกรรมการที่มาเป็นผู้ที่ทรงคุณวุฒิทุกท่านอยุ่แล้วและ เป็นผู้ที่สามารถตอบแทนเสียงของประชาชนได้ แต่ละท่านก็ออกคะแนนเสียงกันสดๆตรงนั้นเลยตอนที่เราไปบอกคณะกรรมการว่าคะแนน เท่ากันคณะกรรมการตกใจมาก แล้วเรามีเวลาเพียงหนึ่งนาที"


" ตอนแรกต้องเลือกจากสี่คน แต่ตอนหลังคือต้องเลือกสองคนคือฟลุคและกอฟใครสมควรจะเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สุด แห่งดาว เราก็เปิดป้ายตรงนั้นนับพร้อมผู้ชมทางบ้านเลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะล็อค เพราะผู้ชมทางบ้านก็เป็นพยานกับเราพร้อมกับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ19ท่าน แล้วผลออกมากรรมการก็ให้คะแนนคุณกอฟมากกว่าคะแนนคุณฟลุค ก็เลยปรากฎว่าคุณกอฟชนะในซีซั่น1 แต่ผมมองว่าทั้งคุณฟลุคคุณกอฟเป็นซูเปอร์สตาร์ทั้งสองคนมันเลยเกิดการเสมอ กันขึ้น แต่คอนโดมีอยู่หลังเดียวจึงต้องตัดสิน"


ลั่น ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ไม่กลัวกับการฟ้องกลับ เพราะมีหลักฐานกับการทำงานที่โปร่งใส บอกตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่เคยเจรจากับอีกฝ่าย แต่พร้อมประนีประนอมก็ถ้ายอมหยุด แต่ถ้ายังไม่หยุดก่อเรื่องก็พร้อมจะดำเนินการต่อให้ถึงที่สุด


"คือไม่มีเลยเหมือนพี่เหมือนน้องกันด้วยซ้ำเรารักกันมากด้วยแต่เรา คิดว่าเขาคงไม่เคยเข้ามาอยู่ในกระแสที่แรงอะไรขนาดนี้ เขาก็คงอยากที่จะดังมากๆ อยากมีชื่อเสียงออกนอกหน้ามากเกินไป ถ้าเกิดเขามีความอดทนตั้งใจทำงานไม่ทำอะไรแปลกๆแบบนี้ จริงๆเขาก็ต้องได้รับชื่อเสียงอยู่แล้ว คือที่เรารักกันนะเขาเคยมาจัดงานแต่งงานให้แพมกับเจ เขาเปิดบริษัทออแกไนเซอร์ เขาก็ชอบเราบอกพี่คนนี้น่ารักจังเลย เราก็เป็นคนไม่ลืมบุญคุณคนนะพอเราได้มาทำรายการนี้เราก็ชวนเขามาทำรายการ เลย"

" คือเราก็ให้เครดิตเขาว่าให้เขาเป็นโชว์ไดเร็กเตอร์ของรายการคือให้ เครดิตมากๆแล้ว มากกว่ารายการอื่นๆเขาจะให้ทีมงานคนไหน ซึ่งจริงๆเขาน่าจะพอใจแล้วแล้วเขาจะไปหาสปอนเซอร์อะไรที่ไหนก็ได้แล้วเราไม่ ได้ว่าอะไรเลย คือตอนนี้มันเกินขอบเขต เขามาถ่ายในเดอะลอฟท์โดยไม่ได้รับอนุญาต สัมภาษณ์ทางสื่อทำเองทั้งหมด คัดเลือกนักแสดงอย่างเนี้ย คนก็เข้าใจผิดว่าเขาเป็นเจ้าของรายการแทนเรา"

"ถ้าเขาออกมาพูดตรงนี้ดูว่าไม่น่าเชื่อถือพออยู่แล้ว เพราะพออยู่ในรายการพูดอีกอย่างนึงออกมานอกรายการพูดอีกอย่างนึง เขาพูดกล่าวอะไรที่มันไม่เป็นความจริง ก็คิดว่าเราก็จะต้องฟ้อง แล้วถ้าเขาเอาข้อมูลอะไรที่เป็นเท็จมาเราก็คงจะไม่ยอมเราก็จะออกมาชี้แจง ทุกอย่าง เพราะว่าเรามีหลักฐานทุกอย่าง เราค่อนข้างโปร่งใสกับการทำงานทุกอย่าง ในเรื่องของทีมงานทุกคน และในเรื่องของนักแสดงทุกคน พุดได้เลยว่าการทำงานของเราโปร่งใสทุกขั้นตอน และตอนที่เราฟ้องนั้นเราไม่ได้ต้องการอะไรเลย เราแค่ต้องการให้เขาหยุดแค่นั้นเอง"


"จริงๆแล้วเราใจกว้างกับเขามากเพราะเราให้อภัยเขามาตั้งแต่ตั้นแล้ว จากการที่เขาเริ่มต้นประชาสัมพันธ์แอบอ้างเราก็ตักเตือนและก็ให้อภัยเขาเขา ก็ให้สัญญากับเรา แล้วเราก็ยังให้เขาทำงานต่อ แต่ปรากฎว่าเขาก็ยังโปรโมทตัวเองต่อไปเราก็ได้เรียกเขามาคุยว่าคุณผิดสัญญา นะอย่างเนี้ยไม่ได้นะ อย่างนั้นเราก็มาจบกันด้วยดีแล้วกันและคุณก็เลิกทำงานและเลิกประชาสัมพันธ์ ตัวเอง เคลียร์ค่าใช้จ่ายให้เขาหมดทุกบาททุกสตางค์ด้วยดี แล้วเขาจะหยุดแต่หลังจากนั้น ก็มีหนังสือออกมาอีก2-3เล่ม ที่ฟ้องร้องแล้วก็ยังมีแมกกาซีนออกมาอีก"


ยันไม่ได้มีการพูดคุยกับคู่กรณีให้รายการเสียหาย


"ไม่มีเลยค่ะเราพร้อมแล้วเราก็รอให้เขามาเจรจาอยู่ด้วยซ้ำ เราไม่ได้อะไร เราทราบจากนักแสดงว่าเขาโทรมาคุยเหมือนว่าจะให้เข้าใจผิดกับทางรายการ แต่เราไม่อะไรที่จะต้องกลัวเพราะเราไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง คือเราโปร่งใสและยินดีที่จะออกมาพูดและถ้าเขามาให้ร้ายกับรายการเราเนี่ย เราก็ไม่ยอมให้ใครมาว่าร้ายรายการเราด้วยเหมือนกัน ที่เขาบอกว่ารายการเราไม่โปร่งใสอะไรยังไง"


" เราก็ไม่ทราบว่ามันมีหลักฐานอะไรกลัวถ้าเขาจะสร้างหลักฐานก็คงเป็น หลักฐานที่เขาสร้างขึ้นมาเองแล้วเราก็ไม่นิ่งนอนใจแน่ๆ แต่เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขามีอะไรคือเรายินดีพูดคุยอยู่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ต้องการอะไรเลย เราแค่อยากขอให้เขาหยุดแค่นั้นเอง หยุดให้ร้ายการการในทางที่ไม่ดี"


" ตอนนี้เราฟ้องไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าประนีประนอมกันได้ก็อาจจะถอนฟ้องคือตอนนี้เราก็รอติดตามทางสื่อว่าเขา จะพูดอะไร แต่ว่าตอนนี้ก็คือจะเนินเรื่องให้ถึงที่สุดถ้าเขาไม่หยุด คือในส่วนที่เขาบอกเขาจะฟ้องกลับ 50 ล้าน ในการที่ทำลายชื่อเสียงของเขาแต่จริงๆทางกฎหมายแล้วเขาฟ้องเราไม่ได้เพราะ สิ่งที่เราพูดมันเป็นความจริงและมีหลักฐานเราจึงสามารถฟ้องได้"


ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

No comments: