Thursday, October 16, 2008

พระวิหารเดือดไทยเจ็บ7-เขมรตาย2


" ตอนนี้เหตุการณ์สงบแล้ว ไม่มีการยิงกัน ไม่มีการปะทะกันอีก ทางกระทรวงการต่างประเทศ กำลังจะประสานงานไปทางกัมพูชา จริงๆ ทราบจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ว่า เช้าวันเดียวกันนี้ ทาง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ยังโทรศัพท์มาคุยด้วยอยู่เลย ซึ่งผมคิดว่า เหตุ การณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เหตุการณ์รุนแรง จึงน่าจะยุติได้ และคงจะหาข้อมูลข้อเท็จจริงได้ ว่า ต่อไปเราควรจะดำเนินการอย่างไร" นายสมชายกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานข่าวว่า ทหารไทยได้ยิงตอบโต้ จนทำให้ทหารฝ่ายของกัมพูชาเสียชีวิต นายสมชายกล่าวว่า "เท่าที่ได้รับรายงาน ว่า กระสุนมาจากทางโน้นก่อน เราจึงจะได้ยื่นบันทึกช่วยจำ"

@ เข้ากห.วันแรกถกผบ.เหล่าทัพ

รายงาน ข่าวแจ้งว่า วันที่ 16 ตุลาคม นายสมชาย นายกรัฐมนตรีจะเข้ารับหน้าที่ รมว. กลาโหม ที่กระทรวงกลาโหมเวลา 08.39 น. และจะขึ้นแท่นรับความเคารพจากทหารกองเกียรติยศ และตรวจแถวทหารกองเกียรติยศจาก 3 เหล่าทัพ มีบรรดา ผบ.เหล่าทัพ เข้าร่วมพิธี ประกอบด้วย พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารระดับ 5 เสือแต่ละเหล่าทัพเข้าร่วม

จากนั้นนายสมชายจะเข้าสำนักงาน รมว.กลาโหมประชุมหารือกับ ผบ.เหล่าทัพ เป็นการส่วนตัว และมอบนโยบาย ผบ.หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ที่ห้องประชุมสุรศักดิ์มนตรี และทาง ผบ.เหล่าทัพจะมีการหารือกับนายสมชายถึงสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในขณะ นี้ รวมถึงปัญหาข้อพิพาทเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา กรณีที่มีการปะทะ โดยทางกองทัพจะมอบหมายให้ พล.อ.ทรงกิตติ เป็นผู้สรุปรวบรวมเหตุการณ์เพื่อชี้แจงให้นายสมชาย รับทราบ

@ "ฮอนัมฮง"ระบุจับ10ทหารไทยได้

เวลา 18.47 น. สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายฮอ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา แถลงว่า จากเหตุปะทะกันที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บอีก 2 นาย นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังได้จับกุมทหารไทย 10 นายเอาไว้หลังการปะทะกัน อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ดูแลทหารทั้ง 10 นายอย่างดี และพร้อมที่จะส่งตัวทั้งหมดกลับประเทศไทยหากรัฐบาลไทยร้องขอมา

@ สรุปทหารไทยเจ็บ7นายสาหัส1

ส่วน ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันกับทหารกัมพูชาบริเวณแนวชายแดน ปราสาทเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ถูกลำเลียงเข้ารักษาตัว 7 นาย ได้แก่ ร.ท.ธนพล พงษ์เสือ จ.ส.อ.แสวง สมอินทร์ ทพ.กิตติศักดิ์ เพ็ชรภักดิ์ ทพ.ทองสา คำนนท์ ทพ.วิรัช บุญมา ทพ.จรวย วงศ์คำ ทพ.บุญฤทธิ์ขันตี เข้ารับการรักษาตัวที่ตึกฉุกเฉิน โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 นาย คือ ทพ.วิรัชถูกยิงบริเวณขาขวาท่อนบนกระดูกขาแตกและผิดรูป แพทย์ผ่าตัดอาการพ้นขีดอันตราย ส่วน จ.ส.อ.แสวงถูกสะเก็ดบริเวณใบหน้าและตามร่างกาย ส่วนทหารพรานอีก 4 นายถูกสะเก็ดระเบิดแพทย์รักษาบาดแผลและให้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อไป

@ มทภ.2เผยสถานการณ์ยังตึงเครียด

พล. ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า การปะทะกันที่ภูมะเขือนาน 30 นาทีทำให้ฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิตและบาดเจ็บไป 3-4 นาย สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าปลอดภัยแล้ว ช่วงเกิดเหตุทหารเราอยู่ในฐาน ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาลาดตระเวนมาพอเจอเราก็จัดกำลังเข้าตีทันที ตอนนั้นไทยมีประมาณ 30 นาย ตอนแรกทหารเข้ามาเจรจานาน 5 นาที บอกให้เราถอนกำลังออก พอเจรจาไม่เป็นผลก็ตีเรา และใช้อาวุธกันตลอดแนวจนถึงปราสาทพระวิหารเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ความสูญเสียอยู่บริเวณกลางจุดที่มีปัญหา คือ จุดที่บอกให้เราถอนภายในเวลา 12.00 น.

"ผมประสานไปทางฝ่ายกัมพูชา เขาก็กำลังสั่งการกำลังของเขา โดยเราแจ้งว่า ถ้ามีเหตุการณ์อีกเราก็จำเป็นต้องตอบโต้รุนแรงกว่านี้ ตอนนี้ก็มีความตึงเครียดทั้ง 2 ฝ่าย การเจรจาที่กำหนดขึ้น ไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างไร พยายามจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ยุติลงให้ได้ เดิมมีกำหนดการให้ ผบ.กกล.สุรนารีไปเจรจาในตอนเช้า แต่กัมพูชาขอเลื่อนเป็นวันที่ 16 ตุลาคมยังไม่กำหนดสถานที่และเวลา ทำให้สถานการณ์ชายแดนตอนนี้ยังตึงเครียดมาก"

@ ปัดไม่มีการคุมตัวทหารทั้ง2ฝ่าย

พล. ท.วิบูลย์ศักดิ์กล่าวว่า มีอาวุธและกำลังพลเพียงพอจะตอบโต้และรักษาแผ่นดินไว้ ขอให้มีความมั่นใจ สำหรับกระแสข่าวว่า ทหารกัมพูชายอมแพ้ให้เราควบคุมตัวกับข่าวทหารไทยยอมแพ้ให้ทหารกัมพูชาควบคุม ตัวนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีการควบคุมตัวของทหารทั้ง 2 ฝ่าย มีแต่เปิดฉากยิง ประเมินสถานการณ์ตอนนี้นั้นหากไม่มีการเจรจาก็เชื่อว่าต้องมีเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นมาอีกเพราะกำลังของ 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากันอยู่ แต่หากมีการตอบโต้ก็จะตอบโต้ด้วยอาวุธที่เท่าเทียมกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกองทัพภาคที่ 2 รู้สึกเสียใจและไม่อยากให้เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

@ ทหารเสริมคุมปราสาทตาควาย

พล. ท.วิบูลย์ศักดิ์กล่าวว่า สำหรับสถาน การณ์แนวชายแดนฝั่งปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาเมือนควาย จ.สุรินทร์ นั้น ขณะนี้สั่งการให้เสริมกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าไปในพื้นที่เพื่อป้องกัน เหตุความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น

พ.ต.สุพจน์ สิมลา ผบ.ร้อย กรมทหารพรานจู่โจมที่ 2602 ฐานกระทิงแดง บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ สถานที่ตั้งโบราณสถานปราสาทตาควาย กล่าวว่า จัดกำลัง 150 นาย ไปลาดตระเวนแนวปราสาทตาควาย ทราบว่า กองกำลังทหารกัมพูชาย้ายไปอยู่ประจำการที่ทมอโดน ฝั่งตรงข้ามช่องกร่าง ต.บักได ห่างจากปราสาทตาควายประมาณ 10 กิโลเมตร เหตุการณ์ยังปกติ ขณะที่เวลา 13.00 น.รถถังจำนวน 15 คัน จาก พัน.บส.22 บชร.2 กองพลทหารราบที่ 6 กองกำลังสุรนารี ผ่าน อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ ไปที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

@ นักพนันยังแห่ไปกาสิโนกาบเชิง

ที่ ประตูด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ฝั่งตรงข้ามกาสิโน บ้านโอเสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ว่า มีคณะทัวร์จากกรุงเทพฯและสระบุรี เหมารถบัส 2 ชั้นหลายคัน มาส่งนักพนันเพื่อเข้าไปเล่นในกาสิโนตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน มีราษฎรชาวกัมพูชามาจับจ่ายซื้อสินค้าอาหารฝั่งไทยเหมือนเดิม ส่วนใหญ่บอกว่า สถานการณ์ในกัมพูชาสงบ

ร.ต.ท.ทวี ชอบเรียบร้อย รอง สว.ตม. คลองใหญ่ จ.ตราด กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศคงไม่มีผลกระทบในจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็กเท่าใดนัก ด้าน น.ท.มู ซา รองหัวหน้าหน่วยประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ตราด กล่าวว่า ความขัดแย้งไม่มีผลกระทบในพื้นที่ จ.เกาะกง และ จ.ตราด ประชาชนทั้ง 2 จังหวัดเป็นมิตรที่ดีต่อกันพร้อมจะร่วมมือกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

@ "บัวแก้ว"เรียกทูตเขมรประท้วง

วัน เดียวกันเวลา 19.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายอุก โสพอน อุปทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย รักษาราชการแทนเอกอัครราชทูต ได้มาเข้าพบนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับบันทึกช่วยจำของไทย ซึ่งแสดงการประท้วงอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยรัฐบาลไทยได้เรียกร้องให้กัมพูชาถอนทหารออกจากดินแดนไทยทันที พร้อมรับรองว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยรัฐบาลถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดิน แดนของไทยอย่างร้ายแรง และเป็นการกระทำรุกราน อันขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดแจ้ง

ทั้งนี้ หลังการหารือที่ใช้เวลาประมาณ 40 นาที นายวีระศักดิ์ได้แถลงข่าวโดยระบุว่า รู้สึกเสียใจที่ได้รับรายงานจากพนมเปญว่า ไทยเป็นฝ่ายเริ่มใช้ความรุนแรง และขอยืนยันว่า จากการตรวจสอบกับกองทัพไทยในหลายระดับทุกคนยืนยันตรงกันว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มยิงก่อน

@ ฉวยโอกาสไปเยือนดึงคุยสาระ

นาย วีระศักดิ์กล่าวว่า เมื่อตอนที่รัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 13 ตุลาคม เราแจ้งกัมพูชาล่วงหน้าแล้วว่า เป็นการไปแนะนำตัวตามประเพณีของอาเซียน แต่พอไปถึงฝ่ายกัมพูชาพยายามให้มีการหารือเรื่องสาระ และขอให้รัฐมนตรีลงนามในถ้อยแถลงต่างๆ ร่วมกัน ซึ่งรัฐมนตรีก็ได้บอกว่า ได้แจ้งก่อนหน้านี้แล้วว่า เป็นการมาเยี่ยมเยือน ต่อไปจึงจะนัดเจรจาเรื่องสาระและถ้าจะมีการเจรจาใดๆ ก็ต้องให้สภาเห็นชอบก่อนจึงจะลงนามได้ ทำให้ฝ่ายกัมพูชาออกมาแถลงทั้งที่เรายืนยันก่อนไปว่าไม่มีการเจรจา ดังนั้น ที่บอกว่าการเจรจาครั้งนั้นล้มเหลวก็ไม่เป็นความจริง เพราะเราไปเพื่อยืนยันสัมพันธไมตรีเท่านั้น

นายวีระศักดิ์กล่าว ด้วยว่า ตอนไปพบสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ยื่นคำขาดให้มีการถอนทหาร ไม่เช่นนั้นจะมีการใช้กำลังกับเรา และจะไปฟ้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ว่า เราเป็นผู้ร้ายเป็นฝ่ายรุกราน และจะไปศาลโลก ซึ่งตนเห็นว่าเป็นตรรกะที่แปลกประหลาดมาก ไม่เห็นรัฐบาลไหนทำกันอย่างนี้

@ เป้าหมายกดดันให้ไทยถอนทหาร

นาย วีระศักดิ์กล่าวว่า คิดว่าเป้าหมายของกัมพูชาคือ กดดันให้ไทยถอนทหารออกจากตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาทั้งหมด และให้เรายอมรับแผนที่ฝรั่งเศสในเรื่องเส้นเขตแดน แต่เรายืนยันมาตลอดว่า คำตัดสินศาลโลกไม่ได้กำหนดเส้นเขตแดน เพียงแต่บอกว่าใครมีอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาท ดังนั้น รัฐบาลของทั้งสองประเทศจะต้องมาเจรจากันในเรื่องเส้นเขตแดน เรายืนยันในเขตแดนของเรา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

"อย่าคิดว่าเรา กลัว ขอบอกว่าเราพร้อมชี้แจง และได้จ้างที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศ และเตรียมทีมไว้พร้อมแล้ว ถ้าเอาเรื่องนี้ไปเราก็พร้อมจะสู้ แต่ถ้าเลือกทางนี้ ผลที่ตามมาก็คือประชาชนไทยคงรู้สึกขมขื่นว่ากัมพูชาจะเอาเรื่องขึ้นศาลโลก ครั้งที่สอง ซึ่งจะทำให้เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลไหนๆ ของไทยจะร่วมมือกับกัมพูชาได้อีก" นายวีระศักดิ์กล่าว

นายวีระ ศักดิ์กล่าวด้วยว่า กัมพูชายังพูดทำนองเอาบุญคุณกับเราว่า รู้ว่ารัฐบาลมีปัญหามากมาย เขาไม่คิดจะฉวยโอกาส ซึ่งก็สะท้อนความจริงอะไรบางอย่าง ถ้าเขาคิดว่าเรามีปัญหามากแล้วคิดจะกดดันเราทางทหาร แล้วคิดว่าเราจะยอมทำตาม เราก็แสดงให้เขาเห็นแล้วว่า เขาบีบเราไม่ได้ทางออกของปัญหาต้องเป็นที่ยอมรับของสองประเทศเท่านั้น ไม่มีคนกลางจะมาแก้ไขปัญหานี้ได้ เราจึงยึดมั่นในแนวทางทวิภาคีมาตลอด ทั้งนี้ นอกจากชี้แจงกับทูตอาเซียนแล้ว กระทรวงการต่างประเทศยังได้ชี้แจงกับประเทศ ซึ่งเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงทั้ง 15 ประเทศ ให้ได้ทราบข้อเท็จจริงจากมุมของไทยด้วย

@ สหรัฐแจ้งเขมรยุติสงคราม

" ผมได้พูดกับประเทศสมาชิกถาวรทั้ง 5 ชาติของยูเอ็นเอสซีแล้ว มหาอำนาจอย่างสหรัฐก็ตอบกลับมาว่า เขาได้แจ้งไปที่รัฐบาลกัมพูชาแล้วว่าไม่เห็นด้วยที่จะเกิดสงครามระหว่างกัน และขอให้หาทางแก้ไขปัญหาโดยใช้กลไกทวิภาคี เช่นเดียวกับจีนและรัสเซีย ซึ่งหมายถึงว่าเขาไม่เห็นด้วยที่จะนำเรื่องเข้าสู่ยูเอ็น" นายวีระศักดิ์กล่าว และว่า นอกจากนี้ยังได้ส่งเอกสารทั้งหมดเวียนให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็นทั้ง ที่นิวยอร์กและเจนีวา เพื่อให้แจ้งข้อเท็จจริงให้ประเทศสมาชิกยูเอ็นทั้งหมดรับทราบด้วย

@ เขมรแถลงการณ์พร้อมเจรจา

เวลา 21.00 น. เอพีรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์อีกฉบับ ย้ำว่า รัฐบาลกัมพูชาขอยืนยันว่าจะใช้ความอดทนอดกลั้นจนถึงที่สุดอันเป็นท่าทีที่ ยึดถือมาโดยตลอด พร้อมที่จะเจรจา และร่วมมือกับฝ่ายไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันด้วยอาวุธขนานใหญ่ต่อไป พร้อมกันนั้นก็ระบุด้วยว่าผู้บัญชาการทหารของทั้ง 2 ฝ่ายจะเจรจากันเพื่อถอดชนวนความตึงเครียดและหาทางแก้ไขการเผชิญหน้าที่เกิด ขึ้นในเวลานี้ด้วยสันติวิธีและฉันมิตรต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเวลา 22.00 น. กระทรวงต่างประเทศได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาแล้ว

No comments: