นักท่องเที่ยวแห่ชม"ไหลเรือไฟ นครพนม " คึกคัก โรงแรมถูกจองเต็ม ล้นทะลักเข้าพักตามวัดต่างๆ ผู้ว่า ฯ ฟุ้งปีนี้พร้อมสุดๆ ทั้งความสวยงามของเรือไฟ การแสดงและวัฒนธรรมสองฝั่งโขง พ่อค้ายิ้ม ไทย-ลาวซื้อสินค้าอื้อ รอยพญานาคโผล่บนพื้นชาวขอนแก่นแห่กราบไหว้แน่นวัด
วัน ที่14 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันออกพรรษา ประชาชนชาวอีสานต่างมีประเพณีท้องถิ่นของ ตัวเอง แต่ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจนอกจากปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่ จ. หนองคายแล้ว ประเพณีไหลเรือไฟ จ.นครพนม ก็ถือว่าได้รับความสนใจไม่แพ้ กัน ทุกปีมีนักท่องเที่ยวเรือนหมื่นเรือนแสน เดินทางไปชมเรือที่ใช้ไฟจาก ตะเกียบตกแต่ง เป็นปฏิมากรรมลอยน้ำอย่างสวยงามวิจิตรตระการตา ล่องเรือตาม ฝั่งแม่น้ำโขง โดยมีประชาชนทั้งชาวไทยและชาว สปป.ลาวนั่งรอชมกันอย่างคับ คั่ง
สำหรับปีนี้กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 7-15 ตุลาคม 2551ซึ่งความน่า สนใจของงานอยู่ที่วันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันออกพรรษา และเป้นวันที่จัด ให้มีการไหลเรือไฟ บรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปอย่างคึกคัก แม้ว่านักท่องเที่ยว จะดูบางตาลงจากปีที่ผ่านมาบ้าง แต่ก็มีนับหมื่นคน
ทั้งนี้ทางจังหวัดได้ปิดเส้นทางเลียบแม่น้ำโขงช่วงระหว่างจวนผู้ ว่าฯเก่า ไปตลอดแนว ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ปรับเปลี่ยนให้เป็นถนนคน เดิน เพื่อให้นักท่องเที่ยวจับจ่ายซื้อสินค้า และพอช่วงแดดร่มก็เริ่มมีผู้ คนนำเสื่อมาปู หาเก้าอี้มานั่ง ริมแม่น้ำโขงเพื่อจับจองพื้นที่เฝ้าดู "ไหล เรือไฟ " ที่มีขึ้นในช่วงค่ำ
นายบุญสนองบุญมี ผวจ.นครพนม กล่าวว่า งานประเพณีไหลเรือไฟปี นี้ ทางจังหวัดพร้อมด้วยหลายหน่วยงานจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และก็ไม่ได้สร้าง ความผิดหวังให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปีนี้มี เรือไฟกว่า 20 ลำ ที่แต่ละอำเภอทุ่มเทตกแต่งอย่างสวยงามให้นักท่องเที่ยวชม กันอย่างเต็มอิ่ม และยังมีกิจกรรมมากมายให้ชมส่วนใหญ่เป็นวัฒนธรรมการแสดง ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งในภาพรวมแล้วทำให้เศรษฐกิจคึกคักขึ้นประชาชนทุกระดับ มีรายได้จากการจำหน่วยสินค้าต่างๆ ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวนอกจากจะได้ชม เรือไฟแล้วยังได้เดินทางทำบุญกราบนมัสการองค์พระธาตุพนมในวันออกพรรษาอีก ด้วย
นายสุรัตน์บัววัน ประธานกรรมการโรแรมนครพนมริเวอร์วิวผู้ประกอบการ โรงแรมระดับ 5 ดาวริมฝั่งแม่น้ำโขงจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ถึงแม้สถานการณ์ เมืองจะร้อนแรงแต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ในทางกลับกันในช่วงงาน ประเพณีไหลเรือไฟบรรยากาศการท่องเที่ยวคึกคักขึ้น โดยเฉพาะในคืนวันไหลเรือ ไฟวันที่ 14 ต.ค. จากการตรวจสอบพบว่า มีนักท่องเที่ยวตลอดจนกรุ๊ปทัวร์สั่ง จองห้องพักของโรงแรมเต็มหมด แม้กระทั่งวัดก็มีนักท่องเที่ยวเข้าไปพัก นอก จากนี้ร้านค้าต่างๆ ก็มีประชาชนทั้งไทยลาวเดินทางท่องเที่ยวซื้อสินค้ากัน อย่างคึกคัก กระจายรายได้ไปถึงพ่อค้าแม่ค้าในระดับรากหญ้าด้วยเช่นกัน
ด้านนายสมชอบนิติพจน์ นายก อบจ.นครพนม เปิดเผยว่า งานไหลเรือไฟที่ เกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ของนครพนมก็ด้วยความร่วมใจของประชาชนทุกอำเภอและที่ สำคัญคือเม็ดเงินในการดำเนินการทุกภาคส่วนโดยเฉพาะ อบต.ทั้งจังหวัดส่วน อบ จ.ทางเราได้สนับสนุนงบจำนวน 3 ล้านบาทให้ทางจังหวัดกระจายเป็นค่าใช้จ่ายของ เรือไฟแต่ละลำ นอกจากนี้ยังได้จัดหมอลำขณะดังที่สุดในภาคอีสานมาแสดงให้ ประชาชนได้ชมฟรี เพื่อเสริมงานให้ครึกครื้นขึ้น
รอยพญานาคโผล่บนพื้นชาวบ้านแห่กราบไหว้แน่นวัด
หลังจากเกิดปรากฏการทางธรรมชาติบั้งไฟพญานาคขึ้นที่ลำน้ำโขงจ. หนองคาย ในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกๆปี มีประชาชนแห่ไปชมจำนวนมากและกระแส ดังกล่าวก็ทำให้เกิดความเชื่อเรื่องพญานาคขึ้นหลายพื้นที่ แม้แต่ใน จ. ขอนแก่น ก็เช่นกัน ที่วัดโนนศิลาบ้านท่อนน้อย ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ. ขอนแก่น มีรอยประหลาดเลื้อยเป็นทางยาวเกิดขึ้นที่พื้นดินหน้าโรงครัวของ วัด กลายเป็นที่ฮือฮาเกิดขึ้นในกลุ่มชาวบ้านว่าเป็นรอยพญานาคทำให้ชาวบ้าน หลากหลายพื้นที่แห่ชมกราบไหว้วันละนับพันคน
นางทองหมุนศรีกวนชา อายุ 63 ปี ชาวบ้านท่อนน้อย ต.บ้านค้อ อ. เมือง จ.ขอนแก่น คนพบรอยประหลาดที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพญานาคกล่าวว่า เมื่อ เช้าวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่นำข้าวก้นบาตรของพระที่ฉันอาหารเช้า เสร็จไปตากแห้งที่หลังคาสังกะสีโรงครัววัดโนนศิลาบ้านท่อนน้อย สังเกตเห็น ที่พื้นดินมีรอยประหลาดคล้ายกับลักษณะของสัตว์เลื้อยคานเลื้อยเป็นทางยาวจึง เรียกชาวบ้านที่นำอาหารถวายพระมาดู
โดยชาวบ้านที่ดูแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยพบรอยประหลาด อย่างนี้มาก่อนหากเป็นรอยงูใหญ่หรือรอยของสัตว์อื่นๆก็ไม่น่าจะเป็นลักษณะ อย่างนี้ และตามที่ชาวบ้านทุกคนสังเกตดูพบว่ารอยประหลาดดังกล่าวเหมือนกับ รอยของสัตว์ที่พึ่งขึ้นมาจากน้ำแล้วเลื้อยไปมาบนพื้นดิน แต่สุดท้ายก็ไม่มี ใครตอบได้ว่าเป็นรอยของสัตว์อะไร
ต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านรู้ข่าวต่างแห่กันเข้ามาดูและสันนิษฐานว่า รอยประหลาดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นของพญานาค ขึ้นมาฟังเทศนาของพระในวัดช่วง เทศกาลออกพรรษาจึงทำให้ชาวบ้านต่างเชื่อว่ารอยประหลาดดังกล่าวนั้นเป็นรอย ของพญานาค ชาวบ้านที่มาชมต่างหาซื้อธูปเทียนเข้ามากราบไหว้ขอพรต่างๆ นานา บางรายก็ขอหวยได้หวยเด็ดหลายตัวส่วนใหญ่ที่ดูแล้วต่างเชื่อว่าเป็นรอย พญานาคจริงๆ
นางทองหมุนกล่าวอีกว่า ความเชื่อของชาวบ้านได้แพร่ไปอย่างรวด เร็ว ชาวบ้านจากทั่วทิศแห่เข้าชมจำนวนมากไม่ต่ำกว่า1,000 ต่อวันแต่ละคนที่ มาชมรอยประหลาดต่างช่วยบริจาคเงินคนละ 20-30 บาทเฉลี่ยวันหมื่นบาทเศษ โดย ที่ไม่มีใครเรียกเก็บจนทำให้ผู้นำหมู่บ้านและพระเณร หาเต็นท์หลายหลังมากาง เพื่อรองรับชาวบ้านที่เดินทางมาชม รอยประหลานที่เชื่อว่าเป็นพญานาค
ด.ช.ณรงค์น้อยนิ่ม อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 บ้านท่อนน้อยต.บ้าน ค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่าเมื่อช่วงคืนวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาหลัง ขี่รถจักรยานกลับจากบ้านเพื่อนในหมู่บ้านผ่านมาทางเข้าประตูวัดด้าน ข้าง สังเกตเห็นตัวประหลาดสีเขียวตาแดงมีหงอนลักษณะเหมือนรูปปั้นพญานาคตาม กำแพงวัด รีบเลื้อยผ่านหายเข้าไปในวัดทำให้รู้สึกกลัวมากรีบขี่จักรยานกลับ เข้าบ้านเล่าให้ผู้ปกครองฟัง
โดยที่ผ่านมาส่วนตัวความเชื่อด้านพญานาคนั้นไม่มีเลยแต่เมื่อพบเห็น ตัวประหลาดเลื้อยผ่านเข้าไปในวัดขณะขี่จักรยานกลับบ้านก็ทำให้คิดอยู่เหมือน กันว่าพญานาคมีจริงหรือว่าตนเองนั้นตาฝาด แต่พอรุ่งเช้ามาวัน ที่ 7 ตุลาคม กลับได้ยินชาวบ้านพูดกันว่าพบรอยพญานาคในวัด จึงรีบไปดูเห็น ร้อยประหลาดแล้วขนหัวลุกเชื่อโดยส่วนตัวว่าพญานาคมีจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ภายในหมู่บ้านท่อน น้อย เป็นไปอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างแห่เข้าดูรอยพญานาคกันจำนวนมาก ทุกคนที่ พบเห็นต่างบอกว่ารอยประหลาดดังกล่าว ที่เกิดขึ้นบนพื้นดินหน้าโรงครัววัดโนน ศิลาบ้านท่อนน้อยนั้น เป็นรอยพญานาคที่ขึ้นมาช่วงเทศกาลออกพรรษา
คนแห่ชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคโรงแรมหนองคายเต็ม
ขณะเดียวกันได้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถ ยนต์ตู้ และรถทัวร์ เข้าสู่ตัวเมืองตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อรอชมปรากฏการณ์ใน ช่วงเย็น ส่วนใหญ่แวะนมัสการหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย ก่อน เดินทางต่อไปยังพื้นที่ อ.โพนพิสัย อ.รัตนวาปี อ.ปากคาด และ อ.บึงกาฬ
โดยเฉพาะที่บ้านท่าม่วงต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี มีประชาชนหลายหมื่นคน เข้าจองที่สำหรับนั่งชมบั้งไฟพญานาค เนื่องจากเป็นจุดที่เกิดปรากฎการณ์บั้ง ไฟพญานาคมากที่สุดเมื่อปีที่ผ่านมา ประมาณ 34 ลูก ทำให้การจราจรติดขัด รถ ไม่สามารถขยับได้ ตำรวจต้องระบายรถออกไปทางหมู่บ้านตาลชุม ต.รัตนวาปี ขณะ ที่ท่าน้ำวัดหลวง และท่าน้ำวัดไทย รวมทั้งท่าน้ำสำนักงาน อบต.จุมพล ก็มีนัก ท่องเที่ยวเรือนหมื่นทยอยเข้าจองพื้นที่นั่งริมฝั่งแม่น้ำโขงจนเต็ม
พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รอง ผบก.ภ.จว.หนองคาย เปิดเผยว่า จ. หนองคาย มีเส้นทางเชื่อมต่อกับ จ.เลย อุดรธานี สกลนคร นครพนม ปีนี้ได้อำนวย ความสะดวกนักท่องเที่ยว โดยจัดกำลังไว้ที่เขตรอยต่อต่างๆ มีตำรวจและหน่วย งานที่เกี่ยวข้องคอยแนะนำเส้นทาง พร้อมมีการติดตั้งป้ายบอกจุดชมบั้งไฟพญา นาคตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางระหว่าง อ.เมือง-อ.โพนพิสัย ซึ่งเป็นเส้น ทางหลัก มียวดยานพาหนะมาก ตร.ภ.จว.หนองคาย จึงวางกำลังตำรวจไว้บริการตลอด เส้นทางกว่า 400 นาย
นอกจากนี้ยังจัดเส้นทางรองเพื่อรองรับการเปิดวิ่งรถทางเดียวเป็น ช่วงๆ ละ 30 นาทีทั้งขาไปและกลับ มีเส้นทางภูกระแต อ.โพนพิสัย - โรงงาน สุราหนองคายและเส้นทางภูกระแต - อ.สร้างคอม- อ.เพ็ญจ.อุดรธานี ส่วนขากลับมี เส้นทางสำรองระหว่างตัวเมืองหนองคาย - บ้านฝายแตกโดยเบื้องต้นพบว่าสามารถ ระบายรถได้เป็นอย่างดี
ทางด้านพ.ต.ท.ณเรฐว์ ขมิ้นเครือ รอง ผกก.4 บก.ทล.ขอนแก่น กล่าว ว่า ประชาชนจากต่างจังหวัดได้ทยอยเดินทางไปยัง จ.หนองคาย อย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งวันที่14 ตุลาคม บางส่วนเดินทางถึงจุดชมบั้งไฟพญานาคที่ อ.โพน พิสัย และ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อจับจองพื้นที่จุดชม ปรากฏการณ์บังไฟพญานาค
ส่วนการจราจรบนถนนทุกสายที่สามารถเดินทางไปชมบั้งไฟพญานาคมีเส้นทาง ติดขัดบริเวณสี่แยก อ.โพนพิสัย ทางหลวงหมายเลข 212 ที่เชื่อมต่อระหว่างอ. โพนพิสัย-หนองคายที่ติดขัดมาก เนื่องจากเป็นสี่แยกหลักเข้าตัวเมือง และที่ ผ่านมายังไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นตลอดเส้นทางเนื่องจากประชาชนที่เดินทาง มาใช้รถอย่างระมัดระวัง
ทางด้านนางธัญภานิโครธานนท์ ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5 ซึ่งรับผิดชอบ จ.หนองคาย อุดรธานี เลย และหนอง บัวลำภู เปิดเผยว่า สำหรับเทศกาลออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคในปีนี้ ทางจังหวัด หนองคาย ได้ร่วมกับเทศบาลเมืองหนองคาย และ ททท.ได้กำหนดจัดงานตั้งแต่วัน ที่ 10-16 ต.ค.โดยตลอดการจัดงานได้มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพำนักในพื้นที่นานวันยิ่งขึ้น อาทิ การแสดง เสียง เสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค รวมถึงการเปิดถนนอาหาร
สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลออกพรรษาในปีนี้พบว่านักท่อง เที่ยวให้ความสนใจเข้าชมปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาคมาก แม้สถานการณ์ทางการเมือง จะไม่นิ่งก็ตาม ส่วนยอดจองที่พักในพื้นที่ จ.หนองคายนั้น จากการตรวจสอบไป ยังโรงแรม เกสท์เฮ้าส์ และโฮมสเตย์ที่มีอยู่ประมาณ 1,000 ห้องพบว่ายอดจอง เต็ม 100%
ขณะที่จ.อุดรธานี ก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย เนื่องจากนักท่องเที่ยวบาง รายที่ไม่ได้จองที่พัก ส่วนใหญ่ก็จะเข้าพักที่ จ.อุดรธานี ก่อนจะเดินทางไป ชมบั้งไฟพญานาคที่ จ.หนองคาย ซึ่งมีระยะทางห่างกันแค่ 60 กม.เท่านั้น ทำให้ ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งมีห้องพักประมาณ 2,000 ห้อง ขณะนี้มีอัตราการเข้าพัก เฉลี่ย 80% ทั้งนี้คาดการณ์ว่าตลอดการจัดงานเทศกาลออกพรรษาและบั้งไฟพญานาค ที่จัดขึ้นตลอด 7 วัน จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน เงินสะพัด ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท
ส่วนที่สำนักงานพาณิชย์จ.หนองคาย ซึ่งได้เปิดศูนย์รับเรื่องร้อง เรียนราคาสินค้าและบริการในกรณีที่นักท่องเที่ยวถูกเอารัดเอาเปรียบนั้น จาก การสอบถามเจ้าหน้าที่พบว่า ขณะนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวหรือประชาชนโทรศัพท์ เข้ามาร้องเรียนกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้เนื่องในช่วงก่อนการจัดงาน เทศกาลออกพรรษา ทางพาณิชย์จังหวัดก็ได้แจกใบประกาศให้กับผู้ประกอบการร้าน ค้าในการปิดป้ายแสดงราคา เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
ขณะที่เช้าวันเดียวกัน(14 ต.ค.) ที่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 11 บ้านร่อง แกม ต.วังหลวง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ซึ่งเป็นร้านขายของชำในหมู่บ้าน มีชาว บ้านจำนวนมากเข้าไปดูรอยประหลาดที่ปรากฏอยู่บนตู้แช่สีขาวภายในร้าน ซึ่ง เป็นรอยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว ลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน เลื้อยคดเคี้ยวไป-มา ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรอยพญานาคที่แสดงอิทธิฤทธิ์ให้ เห็น
นายทวี อนุ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านกล่าวว่า ในบ้านตนไม่เคยเลี้ยง สัตว์ ส่วนรอยที่เห็นอยู่บ้านตู้แช่นั้นตนเชื่อว่าเป็นรอยพญานาคที่ปรากฏให้ เห็นเนื่องจากวันนี้เป็นวันออกพรรษา เป็นวันพระ ใหญ่(ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) และที่หลังบ้านตนมีศาลพญานาคอยู่หลัง บ้าน เนื่องจากเมื่อปีที่ผ่านมาลูกสาวตนอายุ 17 ปี เกิดป่วยมีอาการหนาว สั่น ผวากลัว ขนลุก ตนจึงพาลูกไปหาหมอที่ รพ. แพทย์ตรวจร่างกายไม่พบสิ่งผิด ปกติจึงไม่ได้ให้ยาใดๆ แต่อาการป่วยยังไม่ดีขึ้น ตนจึงพาลูกไปหาหลวงพ่อที่ วัดป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งหลวงพ่อได้ทักว่าสาเหตุที่ป่วยเนื่องจากมีงูพญานาคอยู่ ที่หลังบ้าน และบอกให้ตนทำศาล จัดอาหารคาวหวานเลี้ยงจะทำให้อาการป่วยของลูก ตนดีขึ้น ตนจึงทำตามที่หลวงพ่อบอก หลังเสร็จพิธีจัดเลี้ยงและทำศาลให้พญา นาค ลูกสาวตนก็มีอาการหายเป็นปกติ จนบัดนี้ไม่เคยป่วยไข้อีกเลย
บั้งไฟพญานาคขึ้นแล้วที่หนองคายนักท่องเที่ยวเฮลั่นโขง
ประชาชนยังคงหลั่งไหลเข้าชมบั้งไฟพญานาค ตามจุดต่างๆ อย่างไม่ขาด สาย และล่าสุดเมื่อเวลา 18.28 น. ที่บ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย บั้งไฟพญานาค ได้ ปรากฎขึ้น 1 ชุด จำนวน 3 ลูกซ้อน ทำให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เฝ้า ติดตามดูส่งเสียงเฮลั่นสนั่นริมฝั่งแม่น้ำโขง ส่วนพื้นที่อื่นๆยังไม่มีปรากฏให้เห็น แต่ประชาชนยังคงปักหลักรอชมอย่าง ตั้งใจ แม้ก่อนหน้านี้จะมีฝนโปรยลงมาบ้างเล็กน้อย นอกจากนี้พบว่าเมื่อ เวลา 18.30 น.ที่น้ำเป ต.รัตนวาปี พบปั้งไฟพญานาคโผล่ขึ้นมาอีก 1 ลูก จาก นั้น เวลา 18. 35 น.บ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี 1 ลูก เวลา 18.45 น. ที่บ้าน ท่าม่วง 1 ลูก บ้านผาตั้ง ต.ผาตั้ง อ.สังคม 3 ลูก และ ที่หน้าวัดไทย อ.โพน พิสัย 3 ลูก
Tuesday, October 14, 2008
บั้งไฟพญานาคขึ้นแล้วที่หนองคายนักท่องเที่ยวเฮลั่นโขง
Labels:
นักท่องเที่ยว,
บั้งไฟพญานาค,
วันออกพรรษา,
ไหลเรือไฟนครพนม
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment