Monday, October 13, 2008

ทหาร 2 ฝ่ายไทย-กัมพูชาพร้อมเปิดศึกปะทะ


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนวชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม-ตาควาย จ.สุรินทร์ และเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ตึงเครียดหนัก หลัง “ฮุนเซน” ประกาศกร้าวทางวิทยุสั่งทหารไทยออกจากพื้นที่พิพาทตลอดแนวชายแดนสามารถรับ ฟังได้ถึงพื้นที่ชายแดนไทย เผยเขมรระดมกำลังทหารพร้อมอาวุธหนัก ปืนใหญ่-จรวดเข้าประชิดชายแดนไทยด้านปราสาทตาเมือนธม-ตาควายเตรียมพร้อมบุก ยึด ขณะทหารไทยยืนยันทุกตารางนิ้วที่ลาดตระเวนตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมาเป็นของประเทศไทย ลั่นหากเขมรต้องการรบก็พร้อมเต็มที่ในการตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย ด้าน แม่ทัพภาคที่ 2 เรียกประชุมด่วนรับมือ

วันนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกประกาศแจ้งเตือนผ่านสำนักข่าวในประเทศกัมพูชา และสำนักข่าวต่างประเทศ ให้ทหารไทยถอนทหารทุกนายออกจากพื้นที่พิพาทตามแนวชายแดนไทยทุกจุดภายใน เที่ยงวันของวันนี้นั้นได้ทำให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ โดยเฉพาะพื้นที่พิพาทบริเวณชายแดน ด้านปราสาทตาเมือนธม ต.หนองคันนา และ ปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยม ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีความตึงเครียดทางทหารขึ้นอีกครั้ง

โดยทางกองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้เพิ่มความระมัดระวัง และติดตามสถานการณ์ ความเคลื่อนไหวทางการทหารของกัมพูชาอย่างใกล้ชิด

ล่าสุด ทางฝั่งประเทศกัมพูชาด้านตรงข้ามกับปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายนั้น พบว่า ฝ่ายกัมพูชาได้มีการเสริมกำลังทหารจำนวนหลายร้อยนาย พร้อมด้วยอาวุธหนัก ยิงระยะไกล ทั้งปืนใหญ่ และจรวด แบบ เอ็ม 21 และ เอ็ม 44 เข้ามายัง บ้านกรูด อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ห่างจากปราสาทตาเมือนธม ประมาณ 20 กิโลเมตร

นอก จากนั้น ทหารกัมพูชายังระดมกำลังทหาร พร้อมปืนใหญ่เข้ามายังบ้านทมอโดน อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ที่อยู่ตรงข้ามกับช่องกร่าง ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งกำลังทหารส่วนนี้ของกัมพูชามีเป้าหมายหลักคือจะบุกเข้ายึดปราสาทตาควาย

ทั้ง นี้ การเคลื่อนไหวกำลังทหารกัมพูชา พร้อมด้วยอาวุธหนักมุ่งหน้าเข้ามายังพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย นั้น ฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการข่าวทางทหารไทยได้ติดตามความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา มาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน และคาดการณ์ว่าฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งการประกาศกร้าวให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาทชายแดนของ นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาวันนี้เป็นไปตามการคาดการณ์ของกองกำลังสุรนารี และ กองทัพภาคที่ 2

แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า พื้นที่ทุกตารางนิ้ว ที่ทหารไทยลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นพื้นที่เขตแดนของประเทศไทย ซึ่งได้ทำการลาดตระเวนมาตลอดระยะเวลา 30 ปีไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นเขตแดนของเรา สำหรับความพร้อมด้านทหารตามแนวชายแดนนั้น เรามีความพร้อมทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน วันนี้เราไม่จำเป็นต้องเคลื่อนกำลังอะไรเพราะเราได้วางกำลังรักษาชายแดนมา เป็นระยะเวลา 30 ปี แล้ว

“หากเขาต้องการรบ ทางเราก็ไม่หวั่นเกรงอะไร เราพร้อมเต็มที่ที่จะทำการตอบโต้เช่นกันเพื่อรักษาอธิปไตยของไทย” แหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ที่ตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ นั้น การค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ยังคงเป็นไปตามปรกติ

ทั้งนี้ ในเช้าวันนี้ นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ประกาศผ่านวิทยุกระจายเสียงกัมพูชารับฟังได้ที่ตลาดการค้าชายแดนถาวรไทย -กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ สั่งให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายในเที่ยงวันของวันนี้หากไม่ดำเนินการอะไร จะโจมตีเพื่อยึดพื้นที่พิพาทบริเวณชายแดนกลับคืนทันที

ทางด้านผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า ขณะที่บรรยากาศบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ค่อนข้างตึงเครียด เนื่องจาก ได้มีกำลังทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยอาวุธปืนครบมือ เข้ามาตรึงกำลังที่ บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร และทหารเหล่านี้ส่วนมาก เป็นอดีตทหารเขมรแดง ที่เคยประจำการอยู่ที่บริเวณเขาพระวิหารมานานแล้ว และมีความเคยชินกับสภาพพื้นที่บริเวณแห่งนี้เป็นอย่างมาก ทำให้ทหารไทย ต้องเสริมกำลังทหารเข้าไปตรึงกำลังบริเวณประตูเหล็ก ทางเข้า-ออก ใกล้กับตลาดชาวกัมพูชา บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น

นอก จากนี้ ฝ่ายทหารไทยยังได้มีการตรึงกำลังเข้มบริเวณชายแดนรอบเขาพระวิหาร โดยแต่ละจุดห่างกันประมาณ 30 เมตรเท่านั้น แต่ล่าสุดยังไม่ได้มีการเสริมกำลังเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมาว่า วันนี้เดียวกันนี้ ( 14 ต.ค.) ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นมา พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ได้เรียกประชุมด่วน รองแม่ทัพภาคที่ 2 ทุกคน รวมทั้งฝ่ายเสนาธิการ และผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 ประมาณ 40 นาย ที่ห้องประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 (กอ.รมน.ภาค 2) กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อหารือและประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

พร้อมร่วมประชุมรับมอบนโยบายจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นซ์ ซึ่งเป็นการประชุมลับไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรวมทั้งสื่อมวลชน เข้าไปภายในห้องประชุมแต่อย่างใด ซึ่งจนถึงขณะนี้ใช้เวลาประชุมนานเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว แต่การประชุมยังไม่แล้วเสร็จ
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

No comments: