Monday, October 13, 2008

นายกฯถกด่วน!ประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

สมชาย เรียก ผบ.เหล่าทัพ ก.ต่างประเทศ หารือบ่ายสองโมง ประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รมต.ต่างประเทศเขมรอ้างไทยเคลื่อนทหารรุกล้ำพรมแดนก่อน

นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้เรียกผู้บัญชาการเหล่าทัพ พร้อมด้วยกระทรวงการต่างประเทศ เข้าหารือในเวลา 14.00 น. เพื่อประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากที่วานนี้นายกรัฐมนตรีของกัมพูชายื่นคำขาดให้ไทยถอนกำลังทหารออกจาก พื้นที่รอบเขาพระวิหารก่อนเที่ยงวันนี้

นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ทั้ง 2 ประเทศควรจะถอนทหารออกจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความขัด แย้งกันระหว่างไทย-กัมพูชา และกำหนดระยะห่างจายชายแดนที่ชัดเจน

นาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เชื่อว่า กัมพูชาจะไม่ดำเนินการตามที่ยื่นคำขาด ส่วนการจะให้ไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่คงจะไม่สามารถทำได้ เพราะยังเชื่อว่าพื้นที่ที่มีความขัดแย้งกันอยู่นี้เป็นเขตแดนของประเทศไทย

" ทำได้อย่างไร อยู่ในบ้านของเรา ให้เราออก ไม่ทำหรอก จะให้ผมขายชาติหรือไง" รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่าไทยควรจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกัมพูชาที่จะ ให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่หรือไม่

นายสมพงษ์ กล่าวว่า จากการเดินทางไปหารือกับรมว.ต่างประเทศของกัมพูชาเมื่อวานนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังเจรจากันด้วยดี แต่ข่าวที่ออกมาอาจจะเกิดความสับสน และเชื่อว่ากัมพูชาคงจะไม่ดำเนินการตามที่ยื่นคำขาด อย่างไรก็ดี ได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชารายงานสถานการณ์เข้ามาอย่างต่อ เนื่อง พร้อมเห็นว่าการเจรจาพูดคุยในเรื่องนี้ควรต้องเป็นระดับนายกรัฐมนตรีของ 2 ประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองทัพบกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เรียกประชุมด่วนฝ่ายเสนาธิการ เมื่อช่วงเช้าวันนี้(14ตุลาคม) เพื่อหารือรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากที่วานนี้ สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้สั่งขีดเส้นตายให้ทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณพื้นที่พิพาทชายแดนไทย -กัมพูชา ได้แก่ พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร นำกำลังออกจากพื้นที่ ภายในเวลา 12.00 น.นี้

ขณะนี้บรรยากาศที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ค่อนข้างตึงเครียด เนื่องจากได้มีกำลังทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยอาวุธปืนครบมือ เข้ามาตรึงกำลังที่บริเวณปราสาทกัมพูชา บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ซึ่งทหารเหล่านี้ส่วนมากเป็นอดีตทหารเขมรแดงที่เคยประจำการอยู่ที่บริเวณเขา พระวิหารมานานแล้ว และมีความเคยชินกับสภาพพื้นที่บริเวณแห่งนี้เป็นอย่างมาก ทำให้ทหารไทยต้องจัดกำลังทหารเข้าไปตรึงกำลังบริเวณประตูเหล็กใกล้กับตลาด กัมพูชาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกัน ฝ่ายกำลังทหารของไทยก็ได้มีการตรึงกำลังเข้ม รอบเขาพระวิหาร โดยแต่ละจุดห่างกันประมาณ 30 เมตรเท่านั้น แต่ว่าทหารไทยยังไม่ได้มีการเสริมกำลังเพิ่มเติมแต่อย่างใด

นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลายสำนัก โดยระบุว่า ขณะที่เขากำลังอยู่บนโต๊ะเจรจาร่วมกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยอยู่นั้น เขาได้รับรายงานว่า มีทหารไทยราว 80 นาย ได้รับคำสั่งให้ข้ามพรมแดนรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของกัมพูชา

รัฐมนตรี ต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ตนได้แจ้งเรื่องนี้แก่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย และได้ย้ำว่า การส่งทหารจำนวนมากเข้ามาบริเวณแนวพรมแดนถือเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายอย่าง ยิ่ง และสามารถกระตุ้นให้เกิดการสู้รบแบบเต็มรูปแบบได้ ซึ่งหากมีการลั่นกระสุนเพียงแค่นัดเดียว ก็จะทำให้เกิดการสู้รบแบบเต็มขั้นได้เลย

นายฮอร์ นัม ฮง ยังระบุว่า การเจรจาเมื่อวานนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยอ้างว่าไม่สามารถลงนาม หรือทำข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมใดๆ ได้เลย เพราะต้องกลับไปหารือกับนายกรัฐมนตรีของไทยก่อน

นอกจาก นั้น พล.ต.สเรย์ เดื๊อก นายทหารผู้รับผิดชอบพื้นที่บริเวณที่เป็นข้อพิพาท เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวเช่นกัน โดยระบุว่า ทหารไทยได้รุกล้ำพรมแดนเข้ามาแล้ว และกำลังเผชิญหน้ากับทหารของกัมพูชาอยู่
ที่มา โพสท์ทูเดย์

No comments: